ฉันจะเรียกรถฉุกเฉินได้อย่างไร

2 การดู

เมื่อเผชิญเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ อย่าลังเลที่จะโทร 1669 ทันที! แจ้งอาการป่วยหรืออุบัติเหตุ, สถานที่เกิดเหตุโดยละเอียด (เช่น จุดสังเกต), จำนวนผู้ป่วย/บาดเจ็บ พร้อมข้อมูลสำคัญ (เพศ, อายุ, อาการ) ระบุความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นซ้ำ และให้ข้อมูลติดต่อของคุณ รอทีมช่วยเหลือพร้อมให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

วินาทีชีวิต: คู่มือการเรียกรถฉุกเฉินอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ

ในสถานการณ์คับขันที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย การตัดสินใจที่รวดเร็วและถูกต้องแม่นยำคือหัวใจสำคัญ การเรียกรถฉุกเฉินอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพจึงเป็นทักษะที่ทุกคนควรมีติดตัวไว้ เพราะอาจเป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยพลิกสถานการณ์จากร้ายให้กลายเป็นดีได้

เมื่อไหร่ที่คุณควรเรียกรถฉุกเฉิน?

ก่อนอื่น เราต้องแยกแยะสถานการณ์ฉุกเฉินทางการแพทย์ที่จำเป็นต้องเรียกรถพยาบาลออกจากอาการเจ็บป่วยทั่วไป อาการที่บ่งบอกว่าคุณควรเรียกรถฉุกเฉินทันที ได้แก่:

  • หมดสติ: ไม่รู้สึกตัว ไม่ตอบสนองต่อสิ่งเร้า
  • หายใจลำบาก: หายใจหอบเหนื่อย เจ็บหน้าอกรุนแรง ริมฝีปากหรือปลายนิ้วเขียวคล้ำ
  • เจ็บหน้าอกรุนแรง: โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอาการเจ็บร้าวไปที่แขน คอ หรือกราม อาจเป็นสัญญาณของภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน
  • เลือดออกมาก: ไม่สามารถควบคุมได้ด้วยการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
  • อุบัติเหตุร้ายแรง: รถชน ตกจากที่สูง ไฟไหม้ น้ำท่วม
  • ชัก: โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นการชักครั้งแรก หรือชักต่อเนื่องนานเกิน 5 นาที
  • อาการของโรคหลอดเลือดสมอง: ปากเบี้ยว แขนขาอ่อนแรง พูดไม่ชัด
  • อาการแพ้รุนแรง: บวมที่ใบหน้า คอ หรือลิ้น หายใจลำบาก
  • การบาดเจ็บที่ศีรษะรุนแรง: หมดสติ อาเจียนพุ่ง มีเลือดหรือน้ำใสๆ ไหลออกจากหูหรือจมูก

ขั้นตอนการเรียกรถฉุกเฉิน 1669 อย่างละเอียด

เมื่อประเมินแล้วว่าสถานการณ์เข้าข่ายฉุกเฉินทางการแพทย์ ให้ทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้:

  1. โทร 1669: หมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉินทางการแพทย์ของประเทศไทย

  2. ตั้งสติ: พยายามควบคุมสติอารมณ์ พูดจาให้ชัดเจนและกระชับ

  3. ให้ข้อมูลสำคัญ: แจ้งข้อมูลดังต่อไปนี้อย่างละเอียดและครบถ้วน:

    • อาการป่วย/อุบัติเหตุ: อธิบายอาการที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด เช่น เจ็บหน้าอกแบบไหน หายใจลำบากอย่างไร เกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น
    • สถานที่เกิดเหตุ: ระบุที่อยู่ให้ชัดเจน รวมถึงจุดสังเกตที่สำคัญ เช่น ชื่ออาคาร เลขที่ ซอย ถนน ใกล้กับอะไร หรือใช้แอปพลิเคชันแผนที่เพื่อส่งตำแหน่งที่แม่นยำ
    • จำนวนผู้ป่วย/บาดเจ็บ: แจ้งจำนวนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหรือเจ็บป่วย
    • ข้อมูลผู้ป่วย: เพศ อายุ อาการป่วยเรื้อรัง (ถ้าทราบ)
    • ความเสี่ยง: แจ้งความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นซ้ำ เช่น ไฟฟ้าช็อต แก๊สรั่ว อาคารถล่ม
    • ข้อมูลติดต่อ: แจ้งเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้
  4. ฟังคำแนะนำ: ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ เช่น การปฐมพยาบาลเบื้องต้น การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย

  5. รอทีมช่วยเหลือ: รอ ณ จุดเกิดเหตุ และคอยสังเกตอาการของผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด เตรียมพร้อมที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่ทีมกู้ชีพเมื่อเดินทางมาถึง

ข้อควรจำ:

  • อย่าตัดสายก่อน: รอจนกว่าเจ้าหน้าที่จะตัดสายเอง
  • เคลียร์เส้นทาง: หากเป็นไปได้ ให้เปิดไฟฉุกเฉินและเคลียร์เส้นทางเพื่อให้รถพยาบาลเข้าถึงที่เกิดเหตุได้ง่าย
  • เตรียมเอกสาร: เตรียมเอกสารประจำตัวผู้ป่วย เช่น บัตรประชาชน บัตรประกันสุขภาพ เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างราบรื่น

บทสรุป:

การเรียกรถฉุกเฉินอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพเป็นทักษะที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง การรู้ขั้นตอนที่ถูกต้องและการให้ข้อมูลที่ครบถ้วน จะช่วยให้ทีมกู้ชีพสามารถเดินทางไปยังที่เกิดเหตุได้อย่างรวดเร็วและให้การช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงที อย่าลังเลที่จะโทร 1669 เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ฉุกเฉินทางการแพทย์ เพราะทุกวินาทีมีความหมายต่อชีวิต