ตรวจกัสสาวะใช้เยอะแค่ไหน

5 การดู

การตรวจปัสสาวะ ควรเก็บปัสสาวะปริมาณ 30-60 มิลลิลิตร โดยล้างมือและอวัยวะเพศให้สะอาดก่อน นำปัสสาวะลงในภาชนะที่เตรียมไว้จากแพทย์ ปัสสาวะช่วงกลางการถ่ายเท่านั้น

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

มากน้อยแค่ไหนถึงพอ? ไขข้อข้องใจปริมาณปัสสาวะสำหรับการตรวจ

การตรวจปัสสาวะเป็นการตรวจสุขภาพพื้นฐานที่แพทย์ใช้บ่อยครั้ง เพื่อค้นหาความผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะ ไต และแม้แต่โรคอื่นๆ ที่อาจแสดงอาการผ่านปัสสาวะ แต่หลายคนอาจสงสัยว่า ต้องเก็บปัสสาวะไปตรวจมากน้อยแค่ไหนถึงจะเพียงพอ และมีวิธีการอย่างไรจึงจะได้ตัวอย่างปัสสาวะที่ถูกต้อง แม่นยำ และไม่ต้องเสียเวลาเก็บซ้ำ

คำตอบที่ตรงไปตรงมาที่สุดคือ ปริมาณปัสสาวะที่ต้องการสำหรับการตรวจทั่วไปมักอยู่ที่ 30-60 มิลลิลิตร ซึ่งเทียบเท่ากับประมาณ 1/4 ถึง 1/2 ของขวดน้ำดื่มขนาดเล็ก หรือประมาณ 2-4 ช้อนโต๊ะ ปริมาณนี้เพียงพอสำหรับการวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ ส่วนใหญ่ เช่น การตรวจหาสารเมตาบอไลต์ แบคทีเรีย หรือเซลล์ผิดปกติ

อย่างไรก็ตาม ปริมาณที่ต้องการอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับประเภทของการตรวจ เช่น หากต้องการการตรวจที่ละเอียด หรือตรวจหาสารบางชนิดที่ต้องการปริมาณมากขึ้น แพทย์อาจขอปัสสาวะในปริมาณที่มากกว่านี้ ดังนั้น การสอบถามจากแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการก่อนการเก็บตัวอย่างจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อให้แน่ใจว่าได้ปริมาณที่เพียงพอสำหรับการตรวจ และไม่ต้องเสียเวลาเก็บตัวอย่างซ้ำ

ขั้นตอนการเก็บปัสสาวะเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ:

นอกจากปริมาณปัสสาวะแล้ว วิธีการเก็บตัวอย่างปัสสาวะก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพื่อป้องกันการปนเปื้อนและผลลัพธ์ที่คลาดเคลื่อน ควรปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้:

  1. ล้างมือให้สะอาด: ก่อนเริ่มขั้นตอนการเก็บปัสสาวะ ควรล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำ เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อโรคจากมือ

  2. ทำความสะอาดอวัยวะเพศ: ใช้กระดาษชำระสะอาดเช็ดทำความสะอาดอวัยวะเพศ โดยเช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลัง เพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากเชื้อโรคในบริเวณอวัยวะเพศ

  3. เก็บปัสสาวะช่วงกลาง: ควรปล่อยปัสสาวะออกไปเล็กน้อยก่อน แล้วจึงเก็บปัสสาวะช่วงกลางการปัสสาวะ ลงในภาชนะที่เตรียมไว้ โดยพยายามไม่ให้ปัสสาวะสัมผัสกับภาชนะ หรือส่วนอื่นๆ นอกจากตัวอย่างที่เก็บไว้ การเก็บปัสสาวะช่วงกลางช่วยลดโอกาสการปนเปื้อนจากเชื้อโรคบริเวณปลายท่อปัสสาวะ

  4. ปิดฝาภาชนะให้สนิท: หลังจากเก็บปัสสาวะเสร็จแล้ว ควรปิดฝาภาชนะให้สนิท เพื่อป้องกันการปนเปื้อนและการระเหยของปัสสาวะ

  5. ส่งตรวจโดยเร็ว: ควรส่งตัวอย่างปัสสาวะไปยังห้องปฏิบัติการโดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงทางเคมี หรือการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ซึ่งอาจส่งผลต่อความแม่นยำของผลการตรวจ

การปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้อย่างถูกต้อง จะช่วยให้ได้ผลการตรวจปัสสาวะที่แม่นยำ และช่วยให้แพทย์วินิจฉัยโรคได้อย่างถูกต้อง และวางแผนการรักษาที่เหมาะสม อย่าลืมปรึกษาแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการ หากมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับการเก็บตัวอย่างปัสสาวะ เพื่อให้แน่ใจว่ากระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่น และได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ