ตรวจปากมดลูก ทำยังไง

8 การดู

ปกป้องตัวเองจากมะเร็งปากมดลูกด้วยการตรวจแปปสเมียร์อย่างสม่ำเสมอ แพทย์จะเก็บตัวอย่างเซลล์จากปากมดลูกเพื่อตรวจหาความผิดปกติ ยิ่งตรวจพบเร็ว โอกาสรักษาหายก็ยิ่งสูง ปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการตรวจที่เหมาะสมกับคุณ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ตรวจภายใน…เรื่องสำคัญที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม: มากกว่าแค่แปปสเมียร์เพื่อสุขภาพที่ดีกว่า

การดูแลสุขภาพของผู้หญิงเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและต้องใส่ใจเป็นพิเศษ การตรวจภายในเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพที่สำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ซึ่งเป็นการตรวจที่ช่วยให้เราสามารถค้นพบความผิดปกติในระยะเริ่มต้น และเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาดได้

หลายคนอาจคุ้นเคยกับการตรวจ “แปปสเมียร์” (Pap Smear) ซึ่งเป็นการตรวจที่แพทย์จะเก็บตัวอย่างเซลล์จากปากมดลูกไปตรวจหาความผิดปกติ แต่การตรวจภายในไม่ได้มีเพียงแค่การตรวจแปปสเมียร์เท่านั้น ยังมีการตรวจอื่นๆ ที่ช่วยประเมินสุขภาพโดยรวมของอวัยวะสืบพันธุ์ของผู้หญิงได้อีกด้วย

ทำไมต้องตรวจภายใน?

การตรวจภายในมีประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น:

  • ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก: การตรวจแปปสเมียร์ช่วยค้นหาเซลล์ที่ผิดปกติซึ่งอาจนำไปสู่มะเร็งปากมดลูกได้
  • ตรวจหาเชื้อ HPV (Human Papillomavirus): เชื้อ HPV เป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูก การตรวจหาเชื้อนี้ช่วยให้ทราบความเสี่ยงและวางแผนการป้องกันได้อย่างเหมาะสม
  • ตรวจหาการติดเชื้อในช่องคลอด: การติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา หรือปรสิตในช่องคลอดเป็นเรื่องที่พบได้บ่อย การตรวจภายในช่วยวินิจฉัยและรักษาได้อย่างถูกต้อง
  • ตรวจหาความผิดปกติของมดลูกและรังไข่: แพทย์สามารถคลำตรวจเพื่อหาความผิดปกติ เช่น เนื้องอกในมดลูก หรือซีสต์ในรังไข่ได้
  • ประเมินสุขภาพโดยรวมของอวัยวะสืบพันธุ์: การตรวจภายในช่วยให้แพทย์ประเมินสุขภาพโดยรวมของช่องคลอด ปากมดลูก มดลูก และรังไข่ เพื่อให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม

การตรวจภายใน…มีอะไรบ้าง?

โดยทั่วไป การตรวจภายในจะประกอบด้วยขั้นตอนดังนี้:

  1. ซักประวัติ: แพทย์จะสอบถามประวัติทางการแพทย์ ประวัติการมีเพศสัมพันธ์ ประจำเดือน และอาการผิดปกติอื่นๆ ที่คุณอาจมี
  2. ตรวจร่างกายภายนอก: แพทย์จะตรวจดูบริเวณอวัยวะเพศภายนอก เพื่อหารอยโรค ผื่น หรือความผิดปกติอื่นๆ
  3. ตรวจภายในด้วยสเปคคูลัม (Speculum): แพทย์จะใช้เครื่องมือที่เรียกว่าสเปคคูลัม เพื่อเปิดช่องคลอดให้เห็นปากมดลูกได้อย่างชัดเจน
  4. เก็บตัวอย่างเซลล์ (แปปสเมียร์): แพทย์จะใช้แปรงขนาดเล็กเก็บตัวอย่างเซลล์จากปากมดลูก เพื่อนำไปตรวจหาความผิดปกติ
  5. คลำตรวจภายใน (Bimanual Exam): แพทย์จะสอดนิ้วสองนิ้วเข้าไปในช่องคลอด และใช้มืออีกข้างกดลงบนหน้าท้อง เพื่อคลำตรวจมดลูกและรังไข่

เตรียมตัวอย่างไรก่อนตรวจภายใน?

เพื่อให้การตรวจเป็นไปอย่างราบรื่นและได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ ควรเตรียมตัวดังนี้:

  • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ การสวนล้างช่องคลอด หรือใช้ยาเหน็บช่องคลอด: อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการตรวจ
  • ไม่ควรตรวจในช่วงที่มีประจำเดือน: หากมีประจำเดือน ควรเลื่อนการตรวจออกไปก่อน
  • ปัสสาวะให้เรียบร้อย: ก่อนเข้ารับการตรวจ
  • ผ่อนคลาย: ความเครียดและความกังวลอาจทำให้การตรวจไม่สะดวกสบาย

ตรวจภายใน…เมื่อไหร่ดี?

โดยทั่วไป ผู้หญิงที่มีอายุ 21 ปีขึ้นไป หรือมีเพศสัมพันธ์แล้ว ควรเริ่มตรวจภายในอย่างสม่ำเสมอ และปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการตรวจที่เหมาะสมกับความเสี่ยงและประวัติส่วนตัวของคุณ

อย่ากลัวที่จะถาม: หากคุณมีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับการตรวจภายใน อย่าลังเลที่จะสอบถามแพทย์ของคุณ การพูดคุยกับแพทย์จะช่วยให้คุณเข้าใจขั้นตอนการตรวจ และลดความกังวลลงได้

การตรวจภายในเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพที่สำคัญสำหรับผู้หญิงทุกคน อย่ามองข้ามการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก และการตรวจอื่นๆ ที่ช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีและมีความสุขไปอีกนาน