ติดเชื้อในกระแสเลือดมีกี่ระดับ

ระดับความรุนแรงของการติดเชื้อในกระแสเลือด: จากเบาไปหาหนัก

การติดเชื้อในกระแสเลือด หรือภาวะพิษเหตุติดเชื้อ (Sepsis) เกิดขึ้นเมื่อร่างกายตอบสนองต่อการติดเชื้ออย่างรุนแรง ส่งผลให้เกิดการอักเสบอย่างเป็นระบบ ซึ่งอาจนำไปสู่อวัยวะล้มเหลวและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ โดยทั่วไป ภาวะนี้แบ่งความรุนแรงได้เป็น 3 ระดับ ดังนี้

1. ระยะเริ่มต้น (SIRS/Sepsis): ในระยะนี้ ผู้ป่วยจะมีอาการติดเชื้อทั่วไป เช่น มีไข้ หนาวสั่น หัวใจเต้นเร็ว หายใจเร็ว อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และความดันโลหิตต่ำร่วมด้วย ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าร่างกายกำลังต่อสู้กับเชื้อโรค

2. ระยะรุนแรง (Severe Sepsis): หากไม่ได้รับการรักษาที่ทันท่วงที การติดเชื้อในกระแสเลือดอาจรุนแรงขึ้น ส่งผลให้อวัยวะสำคัญต่างๆเริ่มทำงานผิดปกติ เช่น หายใจลำบาก ปัสสาวะน้อย สับสน ความดันโลหิตต่ำมาก และอาจเกิดภาวะเลือดแข็งตัวผิดปกติได้

3. ภาวะช็อกเหตุติดเชื้อ (Septic Shock): เป็นภาวะที่รุนแรงและอันตรายที่สุด เกิดขึ้นเมื่อความดันโลหิตต่ำมากจนไม่สามารถควบคุมได้ แม้จะได้รับน้ำเกลือและยา ส่งผลให้อวัยวะสำคัญต่างๆล้มเหลว เช่น ไตวาย ตับวาย ระบบหายใจล้มเหลว และอาจเสียชีวิตได้

ปัจจัยเสี่ยง ที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดรุนแรง ได้แก่

• ผู้สูงอายุ
• เด็กเล็ก
• ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ โรคมะเร็ง
• ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
• ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บรุนแรง เช่น แผลไฟไหม้ อุบัติเหตุ
• ผู้ที่ได้รับการผ่าตัดใหญ่

การรักษา การติดเชื้อในกระแสเลือดขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรง ได้แก่

• การให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำ
• การให้น้ำเกลือ
• การใช้ยาควบคุมความดันโลหิต
• การใช้เครื่องช่วยหายใจ
• การฟอกเลือด
• การรักษาตามอาการ

การป้องกัน

• ล้างมือบ่อยๆ
• ฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อ
• ดูแลแผลให้สะอาด
• หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วยติดเชื้อ

การติดเชื้อในกระแสเลือดเป็นภาวะที่ร้ายแรง หากสงสัยว่าตนเองหรือคนใกล้ชิดมีอาการ ควรไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที