ทำไมปัสสาวะตกตะกอน

2 การดู

ปัสสาวะตกตะกอนอาจเกิดจากสาเหตุหลายประการ เช่น การรับประทานอาหารบางชนิดที่มีสารตกตะกอนในปัสสาวะ เช่น ผักผลไม้บางชนิด การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ การขาดน้ำ หรือการใช้ยาบางชนิด หากพบอาการปัสสาวะขุ่นหรือตกตะกอน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัด เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสม

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ปัสสาวะตกตะกอน: สัญญาณเตือนจากร่างกายที่ไม่ควรมองข้าม

ปัสสาวะ เป็นของเสียที่ร่างกายขับออกมาเพื่อกำจัดสารที่ไม่ต้องการออกไป โดยทั่วไปแล้ว ปัสสาวะของคนเรามักจะมีสีเหลืองใส แต่บางครั้งเราอาจสังเกตเห็นว่าปัสสาวะของเรามีลักษณะขุ่น หรือมีตะกอน ซึ่งอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความผิดปกติบางอย่างภายในร่างกายได้

สาเหตุของปัสสาวะตกตะกอน มีอะไรบ้าง?

ปัสสาวะตกตะกอนนั้นสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้

1. ปัจจัยภายนอก:

  • อาหารและเครื่องดื่ม: การรับประทานอาหารบางชนิดที่มีสารฟอสเฟตสูง เช่น หน่อไม้ฝรั่ง หรืออาหารที่มีสีเข้ม เช่น บีทรูท อาจทำให้ปัสสาวะมีสีเปลี่ยนไปและเกิดตะกอนได้ นอกจากนี้ การดื่มน้ำน้อยเกินไปก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ปัสสาวะเข้มข้นและเกิดตะกอนได้ง่ายขึ้น
  • ยา: ยาบางชนิด เช่น ยาปฏิชีวนะบางชนิด ยา vitamins บางชนิด หรือยาที่มีส่วนผสมของแคลเซียม สามารถทำให้เกิดตะกอนในปัสสาวะได้
  • การออกกำลังกายหนัก: การออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงโดยที่ไม่ได้ดื่มน้ำชดเชยอย่างเพียงพอ อาจทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ ซึ่งเป็นสาเหตุให้ปัสสาวะเข้มข้นและเกิดตะกอนได้

2. ปัจจัยภายใน:

  • การติดเชื้อ: การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือกรวยไตอักเสบ มักทำให้เกิดอาการปัสสาวะขุ่น หรือมีตะกอนสีขาวขุ่น หรือเป็นหนอง ร่วมกับอาการอื่น ๆ เช่น ปัสสาวะแสบขัด ปวดท้องน้อย มีไข้
  • โรคนิ่วในไต: โรคนิ่วในไตสามารถทำให้เกิดตะกอนในปัสสาวะได้ โดยตะกอนที่พบมักมีลักษณะเป็นเม็ดทรายเล็ก ๆ หรือเป็นก้อนแข็ง สีขาว เหลือง หรือแดง ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปวดหลังร้าวลงมาที่ท้องน้อย ปัสสาวะเป็นเลือดได้
  • โรคอื่นๆ: โรคเบาหวาน โรคเกาต์ โรคไต หรือโรคต่อมลูกหมากโต ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดตะกอนในปัสสาวะได้เช่นกัน

เมื่อไหร่ที่ควรไปพบแพทย์?

แม้ว่าปัสสาวะตกตะกอนในบางกรณีอาจไม่ได้เป็นอันตราย และสามารถหายได้เองภายใน 1-2 วัน แต่หากคุณพบว่ามีอาการผิดปกติเหล่านี้ร่วมด้วย ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที

  • ปัสสาวะขุ่น หรือมีตะกอนร่วมกับอาการปัสสาวะแสบขัด ปวดท้องน้อย มีไข้
  • ปัสสาวะเป็นเลือด
  • ปัสสาวะมีกลิ่นเหม็นผิดปกติ
  • ปวดหลังร้าวลงมาที่ท้องน้อย
  • คลื่นไส้ อาเจียน

การไปพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่นๆ เมื่อพบความผิดปกติ จะช่วยให้ได้รับการรักษาได้อย่างทันท่วงทีก่อนที่โรคจะลุกลามมากขึ้น และช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้

ข้อควรระวัง: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำวินิจฉัยและคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หากมีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ