ทำไมเจ็บคอห้ามกินเผ็ด

เจ็บคอแสบร้อน…อย่าเติมเชื้อไฟด้วยความเผ็ด!

อาการเจ็บคอ มักมาพร้อมกับความรู้สึกแสบร้อน ระคายเคืองในลำคอ ทำให้การกลืนอาหารเป็นไปอย่างยากลำบาก หลายคนอาจเผลอคิดว่าอาหารรสจัดจ้าน โดยเฉพาะอาหารรสเผ็ดร้อน จะช่วย “ฆ่าเชื้อ” หรือบรรเทาอาการเจ็บคอได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความคิดนี้เป็นความเข้าใจผิดอย่างมหันต์! เพราะอาหารเผ็ดร้อนยิ่งจะซ้ำเติมอาการเจ็บคอให้รุนแรงยิ่งขึ้น

เหตุใดเจ็บคอจึงห้ามกินเผ็ด?

สารแคปไซซิน (Capsaicin) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดรสเผ็ดในพริก มีฤทธิ์ระคายเคืองเนื้อเยื่ออ่อน เมื่อเราทานอาหารเผ็ด สารแคปไซซินจะไปกระตุ้นปลายประสาทรับความรู้สึกเจ็บปวดในช่องปากและลำคอ ทำให้เกิดอาการแสบร้อน ยิ่งในสภาวะที่ลำคออักเสบหรือระคายเคืองอยู่แล้ว การทานอาหารเผ็ดจะยิ่งทำให้เนื้อเยื่อที่บอบบางยิ่งอักเสบมากขึ้น ส่งผลให้เจ็บคอมากขึ้น กลืนลำบากขึ้น และอาจทำให้แผลในคอหายช้าลงอีกด้วย

นอกจากนี้ อาหารเผ็ดยังสามารถกระตุ้นการผลิตกรดในกระเพาะอาหาร ซึ่งกรดที่เพิ่มขึ้นนี้อาจไหลย้อนขึ้นมาบริเวณลำคอ ทำให้เกิดอาการแสบร้อนและระคายเคืองเพิ่มเติมได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะกรดไหลย้อนอยู่แล้ว

บรรเทาอาการเจ็บคออย่างถูกวิธี

หากคุณกำลังประสบกับอาการเจ็บคอ ควรหลีกเลี่ยงอาหารเผ็ดร้อน อาหารทอด อาหารแข็งหรือกรอบ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หันมาดูแลตัวเองด้วยวิธีธรรมชาติที่อ่อนโยนและได้ผลดี ดังนี้

• จิบน้ำอุ่นผสมน้ำผึ้งมะนาว: น้ำผึ้งมีคุณสมบัติช่วยเคลือบและบรรเทาอาการระคายเคืองในลำคอ ส่วนมะนาวมีวิตามินซีสูง ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
• ดื่มชาสมุนไพรอุ่นๆ: ชาสมุนไพรเช่น ชาคาโมมายล์ ชามินต์ หรือชาขิง มีฤทธิ์ช่วยผ่อนคลายและลดการอักเสบ
• อมยาอมกลั้วคอสูตรอ่อนโยน: เลือกยาอมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติ เพื่อช่วยลดอาการเจ็บคอและระงับกลิ่นปาก
• พักผ่อนให้เพียงพอ: การพักผ่อนอย่างเพียงพอช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
• รักษาความชุ่มชื้นของร่างกาย: ดื่มน้ำเปล่ามากๆ เพื่อช่วยให้ลำคอชุ่มชื้นและลดอาการระคายเคือง

หากคุณดูแลตัวเองตามคำแนะนำข้างต้นแล้วอาการยังไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน หรือมีอาการรุนแรงขึ้น เช่น มีไข้สูง กลืนลำบากมาก เสียงแหบ หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง