ทำไมเดินแล้วจุก

2 การดู

เดินแล้วจุกเสียด อาจเกิดจากการหายใจไม่ถูกวิธี ลองหายใจเข้าลึกๆ ทางจมูกช้าๆ ให้ท้องป่องออก และหายใจออกทางปากยาวๆ ให้ท้องยุบลงขณะเดิน ปรับจังหวะหายใจให้เข้ากับการก้าวเดิน หากยังมีอาการจุกเสียดต่อเนื่อง ควรปรึกษาแพทย์.

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

อาการจุกเสียดขณะเดิน เป็นปัญหาที่หลายคนอาจเคยประสบ แม้จะดูเหมือนเรื่องเล็กน้อย แต่ก็สร้างความรำคาญและขัดจังหวะการออกกำลังกายได้ หลายคนมักเชื่อมโยงอาการนี้กับการหายใจที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุที่แท้จริง บทความนี้จะพาไปสำรวจสาเหตุของอาการจุกเสียดขณะเดินอย่างละเอียด พร้อมแนะนำวิธีรับมือและป้องกัน

แน่นอนว่า การหายใจที่ไม่สัมพันธ์กับจังหวะการก้าวเดิน เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดอาการจุกเสียด การหายใจเข้าออกสั้นและเร็วเกินไป โดยเฉพาะการหายใจเข้าทางปาก ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอต่อความต้องการของกล้ามเนื้อขณะออกกำลังกาย ส่งผลให้เกิดการเกร็งตัวของกะบังลม ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อสำคัญที่กั้นระหว่างช่องอกและช่องท้อง นำไปสู่อาการเจ็บจุกบริเวณใต้ชายโครง

อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากการหายใจ ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจเป็นสาเหตุของอาการจุกเสียดขณะเดินได้ เช่น:

  • การรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำมากเกินไปก่อนออกกำลังกาย: กระเพาะอาหารที่เต็มจะไปเบียดกะบังลม ทำให้หายใจได้ไม่เต็มที่และเกิดอาการจุกเสียดได้ง่าย
  • การออกกำลังกายอย่างหนักเกินไปในขณะที่ร่างกายยังไม่พร้อม: กล้ามเนื้อที่ยังไม่แข็งแรง อาจเกิดการเกร็งตัวและกดทับอวัยวะภายใน ทำให้เกิดอาการจุกเสียดได้
  • ท่าทางการเดินที่ไม่เหมาะสม: การเดินตัวงอหรือหลังค่อม อาจส่งผลต่อการทำงานของกะบังลมและระบบหายใจ
  • ปัญหาสุขภาพอื่นๆ: เช่น โรคกรดไหลย้อน โรคกระเพาะ หรือปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ก็อาจทำให้เกิดอาการจุกเสียดขณะเดินได้เช่นกัน

ดังนั้น การแก้ไขอาการจุกเสียดขณะเดิน จึงไม่ใช่แค่การปรับการหายใจเพียงอย่างเดียว แต่ควรคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย ลองปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้:

  • วอร์มอัพร่างกายก่อนออกกำลังกาย: ช่วยเตรียมความพร้อมของกล้ามเนื้อและระบบหายใจ
  • รับประทานอาหารเบาๆ และเว้นระยะห่างอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงก่อนออกกำลังกาย: เพื่อป้องกันการเบียดทับของกระเพาะอาหาร
  • จิบน้ำทีละน้อยระหว่างออกกำลังกาย: หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำทีละมากๆ
  • ฝึกหายใจให้ถูกวิธี: หายใจเข้าทางจมูกให้ท้องป่องออก และหายใจออกทางปากยาวๆ ให้ท้องยุบลง พยายามรักษาจังหวะการหายใจให้สม่ำเสมอ
  • ปรับท่าทางการเดินให้ถูกต้อง: ยืดตัวตรง มองตรงไปข้างหน้า และแกว่งแขนตามธรรมชาติ

หากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้แล้วอาการจุกเสียดยังไม่หายไป หรือมีอาการรุนแรงขึ้น ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่ถูกต้องต่อไป