ทำไมเวลาหิวถึงคลื่นไส้

2 การดู

อาการคลื่นไส้จากความหิวอาจเกิดจากระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ ร่างกายขาดพลังงาน ส่งผลให้ระบบประสาททำงานผิดปกติ ทำให้รู้สึกไม่สบายตัวและคลื่นไส้ การรับประทานอาหารว่างที่มีประโยชน์และมีคุณค่าทางโภชนาการ เช่น ผลไม้หรือธัญพืช จะช่วยบรรเทาอาการได้ ควรปรึกษาแพทย์หากอาการรุนแรงหรือเกิดขึ้นบ่อยครั้ง

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เมื่อความหิวกลายเป็นคลื่นไส้: มากกว่าแค่ท้องร้อง

ความหิวเป็นสัญญาณเตือนธรรมชาติที่ร่างกายส่งมาบอกว่าต้องการพลังงาน แต่บางครั้งความรู้สึกหิวนี้กลับมาพร้อมกับอาการที่ไม่พึงประสงค์อย่าง คลื่นไส้ ซึ่งอาจสร้างความไม่สบายตัวและรบกวนกิจวัตรประจำวันได้ แล้วอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ความหิวกลายเป็นคลื่นไส้? คำตอบนั้นซับซ้อนกว่าที่คิด และไม่ใช่แค่เพียงเรื่องของ “ท้องว่าง” เท่านั้น

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้จากความหิวคือ ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia) เมื่อเราไม่ได้รับอาหารเป็นเวลานาน ร่างกายจะเริ่มใช้พลังงานสำรอง ซึ่งส่วนใหญ่มาจากกลูโคสในเลือด เมื่อกลูโคสลดลงต่ำกว่าระดับปกติ สมองซึ่งเป็นอวัยวะที่ต้องการกลูโคสเป็นพลังงานหลักจะได้รับผลกระทบ ส่งผลให้เกิดการทำงานผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ ซึ่งควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆ รวมถึงระบบทางเดินอาหาร อาการที่ตามมาจึงอาจเป็นอาการคลื่นไส้ เวียนหัว อ่อนเพลีย และใจสั่น

นอกจากระดับน้ำตาลในเลือดต่ำแล้ว การขาดสารอาหารเฉพาะ ก็อาจส่งผลต่อการเกิดคลื่นไส้ได้เช่นกัน ร่างกายอาจขาดวิตามิน แร่ธาตุ หรือสารอาหารจำเป็นอื่นๆ ที่ส่งผลต่อการทำงานของระบบต่างๆ ทำให้เกิดอาการไม่สบายตัว รวมถึงคลื่นไส้ได้ เช่น การขาดแมกนีเซียมอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และปวดหัวได้

อีกปัจจัยหนึ่งที่มักถูกมองข้ามคือ ความเครียดและความวิตกกังวล ความเครียดสามารถส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหารได้โดยตรง ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของลำไส้ผิดปกติ ซึ่งอาจนำไปสู่การคลื่นไส้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อความหิวมาเสริมแรงให้กับความเครียดที่มีอยู่เดิม

การแก้ปัญหาอาการคลื่นไส้จากความหิวควรเริ่มต้นจากการ รับประทานอาหารอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการอดอาหารเป็นเวลานานๆ ควรเลือกทานอาหารว่างที่มีประโยชน์และมีคุณค่าทางโภชนาการ เช่น ผลไม้สด โยเกิร์ต ถั่ว หรือธัญพืช ซึ่งจะช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ และป้องกันไม่ให้เกิดอาการคลื่นไส้

อย่างไรก็ตาม หากอาการคลื่นไส้จากความหิวเกิดขึ้นบ่อยครั้ง รุนแรง หรือมาพร้อมกับอาการอื่นๆ เช่น อาเจียน ปวดท้อง หรือน้ำหนักลดอย่างผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการเพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม เพราะอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่ร้ายแรงกว่าก็ได้

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญหากมีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของตนเอง