ทํายังไงให้หยุดถ่ายเป็นน้ํา

0 การดู

เมื่อท้องเสีย ควรงดอาหารรสจัดและอาหารมัน ดื่มน้ำเกลือแร่เพื่อชดเชยน้ำที่เสียไป หากอาการไม่ดีขึ้น หรือมีไข้สูง ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม อย่าปล่อยให้อาการเรื้อรัง เพราะอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำและเกลือแร่อย่างรุนแรงได้

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

หยุดถ่ายเป็นน้ำ: คู่มือเบื้องต้นเมื่อท้องเสียแบบไม่ง้อหมอ (เบื้องต้น)

การถ่ายเป็นน้ำ หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า “ท้องเสีย” เป็นอาการที่ใครๆ ก็เคยเจอ และสร้างความทรมานให้กับชีวิตประจำวันไม่น้อย อาการนี้เกิดจากการที่ลำไส้ทำงานผิดปกติ ทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมน้ำและสารอาหารได้ตามปกติ ส่งผลให้เราต้องวิ่งเข้าห้องน้ำบ่อยๆ และถ่ายเหลวเป็นน้ำ

บทความนี้จะช่วยให้คุณรับมือกับอาการท้องเสียเบื้องต้นด้วยตัวเองอย่างถูกวิธี แต่ก่อนอื่น ขอย้ำว่า หากอาการรุนแรงขึ้น มีไข้สูง ปวดท้องอย่างรุนแรง หรือถ่ายเป็นมูกเลือด ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรงที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน

เมื่อท้องเสีย สิ่งที่ควรทำมีดังนี้:

  1. หยุดพักลำไส้: ในช่วงแรกที่ท้องเสีย ควรพักการทำงานของลำไส้ด้วยการ งดอาหารแข็ง โดยเฉพาะอาหารรสจัด เผ็ดจัด มันจัด และอาหารที่ย่อยยาก เช่น เนื้อสัตว์ติดมัน ของทอด ของมัน นม และผลิตภัณฑ์จากนม รวมถึงอาหารที่มีกากใยสูงมากๆ เพราะจะยิ่งกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้

  2. เติมน้ำ เติมเกลือแร่: การถ่ายเป็นน้ำทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่อย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะขาดน้ำได้ ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือการ ดื่มน้ำให้เพียงพอ ควรจิบน้ำบ่อยๆ ทีละน้อยๆ แทนการดื่มรวดเดียว นอกจากน้ำเปล่าแล้ว น้ำเกลือแร่ ก็เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะช่วยชดเชยเกลือแร่ที่สูญเสียไป คุณสามารถหาซื้อน้ำเกลือแร่สำเร็จรูปได้ตามร้านขายยาทั่วไป หรือทำเองได้ง่ายๆ โดยผสมน้ำตาลทราย 2 ช้อนชา และเกลือป่น 1/4 ช้อนชา ในน้ำต้มสุก 1 ขวด (ประมาณ 750 มิลลิลิตร)

  3. เลือกอาหารอ่อนๆ ย่อยง่าย: เมื่ออาการดีขึ้นบ้างแล้ว ค่อยๆ เริ่มทานอาหารอ่อนๆ ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก ซุปใส หรือกล้วยน้ำว้า อาหารเหล่านี้จะไม่เป็นภาระต่อลำไส้ และช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงาน

  4. โปรไบโอติก (Probiotics): จุลินทรีย์ชนิดดีในลำไส้มีส่วนช่วยในการปรับสมดุลระบบทางเดินอาหาร การทานอาหารที่มีโปรไบโอติก เช่น โยเกิร์ต (เลือกสูตรน้ำตาลน้อย) หรือ ยาเม็ดโปรไบโอติก อาจช่วยลดระยะเวลาและความรุนแรงของอาการท้องเสียได้

  5. ยาแก้ท้องเสีย: หากอาการท้องเสียไม่ดีขึ้น การใช้ยาแก้ท้องเสียบางชนิด (เช่น ยาที่ช่วยลดการบีบตัวของลำไส้) อาจช่วยบรรเทาอาการได้ แต่ ควรปรึกษาเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีโรคประจำตัวหรือกำลังทานยาอื่นๆ อยู่

สิ่งที่ไม่ควรทำเมื่อท้องเสีย:

  • ดื่มน้ำอัดลมหรือน้ำหวานจัด: น้ำตาลปริมาณมากจะยิ่งดึงน้ำเข้าสู่ลำไส้ ทำให้ท้องเสียแย่ลง
  • ทานยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็น: ยาปฏิชีวนะจะฆ่าเชื้อแบคทีเรียทั้งดีและไม่ดีในลำไส้ ซึ่งอาจทำให้สมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้เสียไป และทำให้อาการท้องเสียแย่ลงได้
  • ปล่อยให้อาการเรื้อรัง: หากอาการท้องเสียไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ไข้สูง ปวดท้องรุนแรง หรือถ่ายเป็นมูกเลือด ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรักษา

คำแนะนำเพิ่มเติม:

  • ล้างมือบ่อยๆ: การล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาดเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคที่ทำให้เกิดอาการท้องเสีย
  • เลือกทานอาหารที่สะอาด: หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่ไม่สุก หรืออาหารที่ปรุงทิ้งไว้นานๆ
  • ดื่มน้ำสะอาด: ควรดื่มน้ำที่ผ่านการกรอง หรือต้มสุกแล้วเท่านั้น

อาการท้องเสียเป็นเรื่องที่น่ารำคาญ แต่หากเรารู้จักวิธีรับมืออย่างถูกวิธี ก็สามารถช่วยบรรเทาอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม หากอาการรุนแรงขึ้น หรือไม่ดีขึ้น ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมต่อไป