ทําไมถึงไม่ควรกินยากับชา
การดื่มชากับยาอาจส่งผลเสีย ชาที่มีคาเฟอีนและแทนนินสามารถรบกวนการดูดซึมยาบางชนิด เช่น ยาต้านเศร้า ยาลดความดัน หรือยาที่มีธาตุเหล็ก ทำให้ยาออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่ เพื่อประสิทธิภาพของยา ควรเว้นระยะห่างจากการดื่มชาอย่างน้อย 2 ชั่วโมงหลังทานยา
ชา กับ ยา: มิตรหรือศัตรูที่ซ่อนอยู่ในถ้วยใบเล็กๆ
เราคุ้นเคยกับการดื่มชาเป็นเครื่องดื่มคลายร้อน ช่วยให้สดชื่น กระตุ้นความรู้สึก และแม้แต่เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการดื่มในหลายประเทศ แต่รู้หรือไม่ว่าการดื่มชาพร้อมกับการรับประทานยา อาจเป็นการกระทำที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างไม่คาดคิด ความเชื่อที่ว่า “แค่ชาร้อนๆ สักแก้ว” นั้นอาจไม่เป็นความจริงเสมอไป เพราะในถ้วยชาใบเล็กๆ นั้นซ่อนปัจจัยที่อาจรบกวนการออกฤทธิ์ของยาได้อย่างน่าตกใจ
ชาหลายชนิดโดยเฉพาะชาที่มีคาเฟอีนสูง เช่น ชาเขียว ชาดำ และชาขาว ประกอบด้วยสารสำคัญอย่าง “แทนนิน” (tannin) สารประกอบกลุ่มโพลีฟีนอลที่มีคุณสมบัติในการจับกับสารอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนี่เองคือที่มาของปัญหา แทนนินสามารถจับกับโมเลกุลของยาบางชนิด ทำให้การดูดซึมยาเข้าสู่กระแสเลือดลดลง ผลที่ตามมาคือยาอาจออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่ หรือออกฤทธิ์ช้ากว่าปกติ ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการรักษา แม้กระทั่งทำให้การรักษาไม่เป็นผล และอาจต้องใช้เวลารักษานานขึ้น
ยาที่ได้รับผลกระทบจากการดื่มชา มีตั้งแต่ยาสามัญประจำบ้านจนถึงยาที่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยาประเภทต่อไปนี้มีความเสี่ยงสูงต่อการรบกวนการดูดซึม:
- ยาต้านเศร้า: การดูดซึมยาต้านเศร้าอาจลดลงหากดื่มชาร่วมด้วย ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการรักษาภาวะซึมเศร้าลดลง อาจทำให้ผู้ป่วยต้องรับประทานยาในปริมาณที่มากขึ้น หรืออาจต้องเปลี่ยนชนิดยา
- ยาลดความดันโลหิต: การลดการดูดซึมยาชนิดนี้อาจส่งผลให้ความดันโลหิตไม่ควบคุม เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ยาที่มีธาตุเหล็ก: แทนนินในชาจะจับกับธาตุเหล็ก ทำให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้น้อยลง ส่งผลเสียต่อผู้ที่มีภาวะโลหิตจาง หรือผู้ที่ต้องการได้รับธาตุเหล็กเสริม
- ยาปฏิชีวนะบางชนิด: แม้จะยังไม่มีงานวิจัยที่ชี้ชัดถึงการรบกวนการดูดซึมในทุกชนิด แต่การดื่มชาอาจส่งผลให้ประสิทธิภาพของยาปฏิชีวนะลดลงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาที่ต้องการความเข้มข้นสูงในกระแสเลือดเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ
ดังนั้น เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 2 ชั่วโมง ระหว่างการรับประทานยาและการดื่มชา หรือควรปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์ เพื่อขอคำแนะนำในการดื่มชาควบคู่กับการรับประทานยาในแต่ละราย อย่ามองข้ามความสำคัญของการปฏิบัติตามคำแนะนำ เพราะสุขภาพที่ดี เริ่มต้นได้จากความใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เช่นนี้
หมายเหตุ: บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้และสร้างความเข้าใจเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ หากมีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับการรับประทานยาควบคู่กับการดื่มชา ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญ เสมอ
#ชา กับ ยา#ผลข้างเคียง#ยา และ ชาข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต