นิ้วเกร็งเกิดจากอะไร

นิ้วเกร็ง: สาเหตุและการดูแลเบื้องต้น

อาการนิ้วเกร็งเป็นเรื่องที่พบได้ไม่ยาก แม้จะเป็นเพียงอาการเล็กน้อย แต่ก็อาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิตประจำวันได้ หากปล่อยไว้โดยไม่สนใจ อาจนำไปสู่ปัญหาที่ร้ายแรงกว่าเดิม ดังนั้นการเข้าใจสาเหตุและวิธีการดูแลเบื้องต้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ

สาเหตุของนิ้วเกร็งนั้นหลากหลาย ไม่ใช่แค่เกิดจากการใช้มือหนักหรือการทำกิจกรรมบางอย่างเพียงอย่างเดียว อาจมีปัจจัยต่างๆ เช่น

• ภาวะเส้นเอ็นติดขัด (Trigger Finger): เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด เส้นเอ็นที่เชื่อมต่อกล้ามเนื้อกับกระดูกภายในนิ้วอาจเกิดการติดขัด ทำให้เคลื่อนไหวได้ไม่เต็มที่ อาการที่สังเกตได้คือ นิ้วเกร็งหรือรู้สึกติดขัด มีอาการปวด บวมบริเวณฐานนิ้ว และบางครั้งอาจเกิดเสียงคลิกหรือดังกรอบเวลาขยับนิ้ว ภาวะนี้มักเกิดจากการใช้มือบ่อยๆ การใช้งานผิดท่าทาง หรือการมีประวัติครอบครัวเป็นโรคเส้นเอ็นติดขัด

• โรคข้ออักเสบ (Arthritis): โรคข้ออักเสบทั้งชนิดอักเสบรุนแรงและชนิดเสื่อม สามารถส่งผลให้เกิดการอักเสบและปวดของกระดูกและเนื้อเยื่อโดยรอบ ซึ่งอาจทำให้การเคลื่อนไหวของนิ้วมีข้อจำกัดและเกิดอาการเกร็ง อาการของโรคข้ออักเสบอาจมีหลากหลายและไม่จำกัดอยู่แค่เฉพาะบริเวณนิ้วมือเท่านั้น

• อาการบาดเจ็บ: การบาดเจ็บที่นิ้ว เช่น การหัก กระแทก หรือการฉีกขาดของเอ็นและเส้นเอ็น อาจทำให้เกิดการอักเสบและการเกร็งของนิ้ว อาการบาดเจ็บมักเกิดขึ้นอย่างกะทันหันและมีอาการปวดรุนแรงร่วมด้วย

• การติดเชื้อ: ในบางกรณี การติดเชื้อในบริเวณนิ้วมือ อาจส่งผลให้เกิดการบวม การอักเสบและความเจ็บปวด ซึ่งอาจทำให้รู้สึกว่านิ้วเกร็ง

• การใช้มือผิดวิธี: การใช้มือบ่อยๆ การยกของหนัก หรือการทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงบิดอย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลให้เกิดอาการเกร็งของนิ้วได้

การดูแลเบื้องต้น

หากพบว่ามีอาการนิ้วเกร็ง ควรทำสิ่งเหล่านี้:

• พักผ่อน: หลีกเลี่ยงการใช้งานนิ้วที่ทำให้เจ็บปวด พักผ่อนให้เพียงพอ
• ประคบเย็น: ประคบเย็นบริเวณที่เจ็บปวด จะช่วยลดอาการบวมและลดความเจ็บปวด
• รับประทานยาลดปวด: ยาลดปวดแบบที่ไม่ต้องสั่งโดยแพทย์ อาจช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา
• หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เจ็บ: หากกิจกรรมใด ๆ ทําให้รู้สึกเจ็บปวด อย่าทำ

เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?

หากอาการนิ้วเกร็งมีอาการรุนแรง หรือมีอาการดังต่อไปนี้ ควรไปพบแพทย์โดยเร็ว:

• อาการปวดรุนแรง
• บวมอย่างรุนแรง
• มีอาการอุ่นหรือแดงที่บริเวณนิ้ว
• อาการไม่ดีขึ้นแม้จะพักผ่อน
• มีความยากลำบากในการใช้มือ
• อาการเกิดขึ้นซ้ำๆ

ข้อควรระวัง บทความนี้มีไว้เพื่อให้ความรู้ทั่วไปเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อการวินิจฉัยหรือการรักษาทางการแพทย์ หากมีข้อสงสัยหรือมีอาการผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้อง