น้ำลายเป็นสีเหลืองเกิดจากอะไร

4 การดู

น้ำลายสีเหลืองอาจเกิดจากเศษอาหารตกค้างในร่องทอนซิล (crypts) ร่วมกับการย่อยสลายของเซลล์, แบคทีเรีย, และเม็ดเลือดขาว ทำให้เกิดสารสีเหลืองคล้ายเนยสะสมอยู่ บางครั้งอาจพบแคลเซียมเกาะตัวเป็นก้อนได้ หากมีอาการผิดปกติอื่นร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยเพิ่มเติม

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

น้ำลายสีเหลือง: สัญญาณเตือนสุขภาพในช่องปากหรือมากกว่านั้น?

น้ำลายสีเหลือง อาจเป็นสิ่งที่หลายคนมองข้ามไป คิดเพียงว่าเป็นเพียงแค่เศษอาหารติดค้าง แต่ความจริงแล้ว สีของน้ำลายนั้นอาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพในช่องปาก หรือแม้กระทั่งโรคภัยอื่นๆ ที่ซ่อนอยู่ได้ การทำความเข้าใจสาเหตุของน้ำลายสีเหลือง จึงเป็นเรื่องสำคัญในการดูแลสุขภาพที่ดี

หนึ่งในสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของน้ำลายสีเหลือง คือ การสะสมของเศษอาหารและแบคทีเรียในร่องทอนซิล (crypts) ทอนซิลเป็นต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ด้านหลังลำคอ มีร่องลึกที่เป็นที่สะสมของเศษอาหาร เซลล์เยื่อบุผิวที่ตายแล้ว เม็ดเลือดขาว และแบคทีเรีย เมื่อสิ่งเหล่านี้ย่อยสลาย จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี ทำให้เกิดสารสีเหลืองคล้ายเนย หรืออาจมีลักษณะเป็นก้อนหนา เกาะติดอยู่บริเวณร่องทอนซิล ลักษณะนี้มักไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวด แต่จะส่งกลิ่นปากไม่พึงประสงค์ และทำให้เกิดความรู้สึกอึดอัดในลำคอ

นอกจากเศษอาหารแล้ว การสะสมของ แคลเซียม ก็อาจเป็นสาเหตุให้เกิดน้ำลายสีเหลืองได้เช่นกัน แคลเซียมในน้ำลายอาจเกาะตัวเป็นก้อนเล็กๆ หรือคราบสีเหลือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับต่อมน้ำลาย หรือผู้ที่ดื่มน้ำน้อย ทำให้ความเข้มข้นของแคลเซียมในน้ำลายสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม น้ำลายสีเหลืองอาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่ร้ายแรงกว่าได้ เช่น โรคตับ ซึ่งทำให้ตับไม่สามารถกำจัดสารสีเหลือง (bilirubin) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้สารนี้สะสมในร่างกาย รวมถึงน้ำลายด้วย หรืออาจเกิดจาก การติดเชื้อในช่องปาก บางชนิดที่ทำให้เกิดการอักเสบ และเปลี่ยนแปลงสีของน้ำลายได้

หากคุณพบว่ามีน้ำลายสีเหลืองร่วมกับอาการอื่นๆ เช่น

  • กลิ่นปากรุนแรงผิดปกติ
  • เจ็บคอเรื้อรัง
  • มีไข้
  • ปวดศีรษะ
  • ผิวและตาเหลือง
  • ปัสสาวะสีเข้ม
  • อุจจาระสีซีด

คุณควรปรึกษาแพทย์หรือทันตแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริง และรับการรักษาที่เหมาะสม อย่าเพิ่งวินิจฉัยตัวเอง เพราะน้ำลายสีเหลืองอาจเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย หรืออาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงโรคร้ายแรงได้ การดูแลสุขภาพช่องปากที่ดี เช่น การแปรงฟันอย่างถูกวิธี ใช้ไหมขัดฟัน และตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำ จะช่วยลดโอกาสการเกิดปัญหาเหล่านี้ได้

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเท่านั้น ไม่ควรใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์