ประจำเดือนเป็นสีน้ำตาลเกิดจากอะไร

5 การดู

การทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงอย่างเช่น ผักใบเขียว เนื้อแดง หรือตับ อาจช่วยลดการเกิดเลือดประจำเดือนสีน้ำตาลได้ เนื่องจากธาตุเหล็กช่วยเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดแดงในร่างกาย ส่งผลให้เลือดมีสีแดงเข้มขึ้น

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ประจำเดือนสีน้ำตาล: สาเหตุที่คุณควรรู้และวิธีการดูแลตัวเอง

ประจำเดือนเป็นเรื่องปกติของผู้หญิง แต่สีของเลือดประจำเดือนนั้นสามารถบ่งบอกถึงความผิดปกติได้เช่นกัน การที่ประจำเดือนมีสีน้ำตาลแทนที่จะเป็นสีแดงสดนั้นเป็นเรื่องที่พบได้บ่อย แต่สาเหตุนั้นอาจมีความหลากหลาย ไม่ได้หมายความว่าทุกกรณีจะต้องเป็นเรื่องร้ายแรงเสมอไป บทความนี้จะอธิบายสาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนเป็นสีน้ำตาล รวมถึงวิธีการดูแลตัวเองเบื้องต้น โปรดจำไว้ว่า นี่เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้น หากคุณกังวลเกี่ยวกับสุขภาพประจำเดือน ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพสตรีเสมอ

สาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนเป็นสีน้ำตาล

เลือดประจำเดือนสีน้ำตาลเกิดจากการที่เลือดค้างอยู่ในมดลูกนานกว่าปกติ ก่อนที่จะถูกขับออกมา ทำให้เลือดเกิดการออกซิไดซ์ หรือมีการเปลี่ยนแปลงทางเคมี ซึ่งส่งผลให้สีเลือดเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม หรือสีน้ำตาลดำ สาเหตุหลักๆ อาจมาจาก:

  • ช่วงต้นหรือปลายของรอบประจำเดือน: ในช่วงต้นและปลายรอบประจำเดือน ปริมาณเลือดที่ไหลออกมาน้อย ทำให้เลือดค้างอยู่ในมดลูกนานกว่าปกติ จึงเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล
  • การใช้ยาคุมกำเนิด: บางชนิดของยาคุมกำเนิดอาจทำให้ปริมาณเลือดประจำเดือนลดลง และเลือดมีสีน้ำตาล
  • ความเครียด: ความเครียดส่งผลกระทบต่อฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งอาจทำให้รอบประจำเดือนผิดปกติ รวมถึงสีของเลือด
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน: การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย เช่น ช่วงก่อนหมดประจำเดือน (Perimenopause) อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสีเลือดประจำเดือน
  • ภาวะโลหิตจาง: ภาวะโลหิตจางอาจทำให้ปริมาณเลือดลดลง และเลือดมีสีซีดกว่าปกติ แต่บางครั้งอาจปรากฏเป็นสีน้ำตาลอ่อน
  • การตั้งครรภ์นอกมดลูก: ในกรณีที่ร้ายแรง เลือดสีน้ำตาลอาจเป็นสัญญาณของการตั้งครรภ์นอกมดลูก ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน
  • โรคเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์: เช่น โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) หรือเนื้องอกในมดลูก อาจทำให้มีเลือดประจำเดือนสีน้ำตาล ปริมาณผิดปกติ หรือมีอาการร่วมอื่นๆ

วิธีการดูแลตัวเองเบื้องต้น

  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: การรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น ผักใบเขียว เนื้อแดง (แต่ควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม) ตับ ถั่ว และธัญพืช อาจช่วยเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดแดง และทำให้เลือดมีสีแดงเข้มขึ้น แต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเลือดประจำเดือนสีน้ำตาลทุกสาเหตุได้
  • พักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอช่วยลดความเครียดและปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย
  • บริหารจัดการความเครียด: การฝึกโยคะ การทำสมาธิ หรือการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ช่วยลดความเครียดได้
  • ดื่มน้ำมากๆ: การดื่มน้ำให้เพียงพอช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เมื่อใดควรพบแพทย์

หากเลือดประจำเดือนมีสีน้ำตาลร่วมกับอาการอื่นๆ เช่น ปวดท้องอย่างรุนแรง มีเลือดออกมากผิดปกติ มีกลิ่นเหม็น หรือมีอาการอื่นๆ ที่ผิดปกติ ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรับคำแนะนำที่เหมาะสม อย่าปล่อยปละละเลย เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคต่างๆ ที่ต้องได้รับการรักษา

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยและการรักษาควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น