ปวดหัว ด้านหลัง กะโหลก เกิดจากอะไร

2 การดู

การนอนตะแคงข้างนานๆ หรือการนั่งทำงานที่ไม่ถูกสุขลักษณะ อาจทำให้กล้ามเนื้อบริเวณคอและหลังส่วนบนตึงเกร็ง ส่งผลให้เกิดอาการปวดหัวด้านหลังและบริเวณกะโหลกศีรษะได้เช่นกัน การยืดกล้ามเนื้อและปรับท่าทางในการนั่ง/นอน จึงเป็นวิธีสำคัญในการป้องกันอาการปวดเหล่านี้

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ปวดหัวด้านหลังกะโหลก: สาเหตุที่คุณอาจคาดไม่ถึง

อาการปวดหัวด้านหลังกะโหลกเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย แม้หลายคนจะมองข้ามหรือคิดว่าเป็นเพียงอาการปวดหัวธรรมดา แต่แท้จริงแล้ว อาการนี้สามารถบ่งบอกถึงสาเหตุต่างๆ ได้หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากปวดอย่างต่อเนื่องหรือรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จึงควรตระหนักถึงสาเหตุที่เป็นไปได้และวิธีการรับมือที่เหมาะสม

จากกล้ามเนื้อตึงเครียดสู่ปัญหาที่ซับซ้อนกว่า:

อย่างที่ทราบกันดีว่า การนอนตะแคงข้างนานๆ หรือการนั่งทำงานท่าไม่ถูกสุขลักษณะ เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณคอและหลังส่วนบนตึงเกร็ง ส่งผลให้เกิดอาการปวดหัวด้านหลังและบริเวณกะโหลกศีรษะ ความตึงเครียดนี้จะกดทับเส้นประสาทและทำให้เกิดอาการปวด ซึ่งอาจแผ่ไปถึงบริเวณขมับหรือตาได้ นอกจากนี้ การใช้คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนเป็นเวลานานๆ ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะส่งผลให้ศีรษะโน้มลง สร้างแรงกดทับกล้ามเนื้อคอและหลังส่วนบนอย่างต่อเนื่อง

แต่ก็ไม่ใช่แค่กล้ามเนื้อเท่านั้น:

นอกเหนือจากกล้ามเนื้อตึงเครียด อาการปวดหัวด้านหลังกะโหลกยังอาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ที่ซับซ้อนกว่าได้อีก เช่น:

  • ไมเกรน: ไมเกรนบางประเภทอาจมีอาการปวดที่บริเวณด้านหลังกะโหลก โดยมักมาพร้อมกับอาการอื่นๆ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน หรือความไวต่อแสงและเสียง
  • ปวดศีรษะแบบตึงเครียด (Tension headache): เป็นชนิดที่พบได้บ่อย ปวดแบบตุบๆ หรือรัดแน่น มักเกิดจากความเครียดสะสม
  • ปัญหาเกี่ยวกับข้อต่อในกระดูกสันหลังส่วนคอ: การเสื่อมของกระดูกอ่อนหรือการบาดเจ็บที่ข้อต่อในกระดูกสันหลังส่วนคอ อาจทำให้เกิดอาการปวดที่แผ่ไปถึงด้านหลังกะโหลกได้
  • ไซนัสอักเสบ: การอักเสบของโพรงไซนัสอาจทำให้เกิดความดันในโพรงไซนัส ส่งผลให้ปวดบริเวณใบหน้า และอาจแผ่ไปถึงด้านหลังกะโหลกได้
  • การติดเชื้อ: การติดเชื้อในสมองหรือเยื่อหุ้มสมอง แม้เป็นสาเหตุที่พบได้น้อย แต่เป็นเหตุฉุกเฉินที่ต้องการการรักษาโดยด่วน อาการปวดหัวมักรุนแรงและรวดเร็ว

เมื่อไรควรพบแพทย์?

หากอาการปวดหัวด้านหลังกะโหลกของคุณรุนแรง มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ไข้สูง อาเจียนอย่างรุนแรง มีอาการชาหรืออ่อนแรง หรือปวดหัวอย่างฉับพลันและรุนแรง ควรไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด เพราะอาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงได้

การป้องกันและการดูแลตนเอง:

นอกจากการรักษาที่เหมาะสมจากแพทย์แล้ว การดูแลตนเองก็เป็นสิ่งสำคัญ เช่น การปรับเปลี่ยนท่าทางในการนั่งและนอนให้ถูกสุขลักษณะ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การบริหารกล้ามเนื้อคอและหลัง การพักผ่อนให้เพียงพอ การลดความเครียด และการหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น เช่น การดื่มแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีนมากเกินไป

การปวดหัวด้านหลังกะโหลกอาจเป็นสัญญาณเตือนสุขภาพที่สำคัญ การเข้าใจสาเหตุและวิธีการรับมือที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณสามารถจัดการกับอาการปวดหัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และป้องกันไม่ให้เกิดอาการรุนแรงขึ้นในอนาคต อย่าละเลยอาการปวดหัว และปรึกษาแพทย์เมื่อจำเป็น เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้องแม่นยำ