ผลข้างเคียงของยาต้านฮีสตามีนมีอะไรบ้าง

1 การดู

ยาแก้แพ้บางชนิดอาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ เช่น คลื่นไส้ ปวดศีรษะ หรือท้องผูกได้ โดยเฉพาะในผู้ที่รับประทานยาในปริมาณสูงหรือเป็นเวลานาน ควรปรึกษาแพทย์หากมีอาการไม่พึงประสงค์รุนแรงหรือไม่ทุเลา เพื่อรับคำแนะนำในการใช้ยาอย่างเหมาะสมและปลอดภัย

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ยาแก้แพ้: เพื่อนสนิทที่มาพร้อมผลข้างเคียงที่คุณควรรู้

ยาแก้แพ้หรือยาต้านฮิสตามีนเป็นยาสามัญประจำบ้านที่หลายคนคุ้นเคย ใช้บรรเทาอาการแพ้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผื่นคัน น้ำมูกไหล จาม หรืออาการแพ้จากแมลงกัดต่อย แต่ถึงแม้จะเป็นยาที่หาซื้อได้ง่าย เราก็ควรทำความเข้าใจถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น เพื่อการใช้งานที่ถูกต้องและปลอดภัย

ฮิสตามีน: ตัวการก่อเรื่องที่ยาแก้แพ้เข้าไปจัดการ

ก่อนจะไปดูผลข้างเคียง เรามาทำความเข้าใจกลไกการทำงานของยาแก้แพ้กันก่อน ร่างกายของเราจะปล่อยสารฮิสตามีนออกมาเมื่อเจอกับสารก่อภูมิแพ้ เช่น เกสรดอกไม้ ฝุ่น ไรฝุ่น หรืออาหารบางชนิด ฮิสตามีนจะไปกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ต่างๆ ที่เราคุ้นเคย ยาแก้แพ้จึงทำหน้าที่เข้าไป “บล็อก” การทำงานของฮิสตามีน ทำให้เราหายจากอาการแพ้ได้

ผลข้างเคียงที่พบบ่อย: เล็กน้อยแต่ควรรู้

ยาแก้แพ้สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายกลุ่ม แต่ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยโดยทั่วไปมีดังนี้:

  • อาการง่วงซึม: ถือเป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยาแก้แพ้รุ่นเก่า (First-Generation Antihistamines) เนื่องจากยาเหล่านี้สามารถผ่านเข้าสู่สมองได้ง่ายกว่า ทำให้เกิดอาการง่วงซึม อ่อนเพลีย และประสิทธิภาพในการทำงานลดลง

  • ปากแห้ง คอแห้ง: ยาแก้แพ้อาจส่งผลต่อการผลิตน้ำลาย ทำให้รู้สึกปากแห้ง คอแห้ง ดื่มน้ำบ่อยๆ ช่วยบรรเทาอาการนี้ได้

  • ตาพร่ามัว: ในบางรายอาจพบอาการตาพร่ามัว มองเห็นไม่ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในที่แสงน้อย หากอาการนี้รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ควรปรึกษาแพทย์

  • ปัสสาวะลำบาก: ยาแก้แพ้อาจส่งผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อที่ควบคุมการปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะลำบาก หรือปัสสาวะไม่ออก

  • ท้องผูก: ยาแก้แพ้อาจทำให้ระบบขับถ่ายทำงานช้าลง ทำให้เกิดอาการท้องผูก ดื่มน้ำให้เพียงพอและทานอาหารที่มีกากใยสูงสามารถช่วยได้

  • คลื่นไส้ อาเจียน: บางคนอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หลังจากทานยาแก้แพ้ หากอาการรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์

  • ปวดศีรษะ: อาการปวดศีรษะเป็นผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่ไม่พบบ่อยนัก

เมื่อไหร่ที่ต้องปรึกษาแพทย์:

โดยทั่วไปแล้ว ผลข้างเคียงจากยาแก้แพ้มักไม่รุนแรงและหายได้เอง แต่หากคุณมีอาการดังต่อไปนี้ ควรปรึกษาแพทย์ทันที:

  • อาการแพ้รุนแรงขึ้น: แทนที่จะทุเลาลง อาการแพ้กลับแย่ลง เช่น หายใจลำบาก หน้าบวม ปากบวม หรือมีผื่นขึ้นทั่วตัว

  • อาการข้างเคียงรุนแรง: เช่น หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ ชัก หรือหมดสติ

  • อาการข้างเคียงไม่ทุเลา: อาการข้างเคียงต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นไม่ดีขึ้นหลังจากหยุดยา หรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน

  • มีโรคประจำตัว: หากคุณมีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคต้อหิน โรคต่อมลูกหมากโต หรือกำลังทานยาอื่นๆ อยู่ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาแก้แพ้เสมอ

ข้อควรระวังในการใช้ยาแก้แพ้:

  • อ่านฉลากยาอย่างละเอียด: ก่อนใช้ยาแก้แพ้ ควรอ่านฉลากยาอย่างละเอียด เพื่อทำความเข้าใจถึงขนาดการใช้ยา ข้อห้ามใช้ และข้อควรระวังต่างๆ

  • หลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะหรือทำงานกับเครื่องจักร: หากยาแก้แพ้ทำให้คุณง่วงซึม ควรหลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะหรือทำงานกับเครื่องจักร เพราะอาจเกิดอันตรายได้

  • ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร: หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้ยาแก้แพ้ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสม

สรุป:

ยาแก้แพ้เป็นยาที่มีประโยชน์ในการบรรเทาอาการแพ้ต่างๆ แต่ก็มาพร้อมกับผลข้างเคียงที่เราควรรู้ การทำความเข้าใจถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น การใช้ยาอย่างระมัดระวัง และการปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเมื่อจำเป็น จะช่วยให้คุณใช้ยาแก้แพ้ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ