ผู้ใหญ่ตัวเหลือง อันตรายไหม
ภาวะตัวเหลืองเป็นภาวะที่อันตรายซึ่งอาจเกิดในทารกและผู้ใหญ่ มีสาเหตุมากมายที่ทำให้เกิดภาวะเหลือง จึงจำเป็นต้องพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม
ภาวะตัวเหลืองในผู้ใหญ่: อันตรายซ่อนเร้นที่ไม่ควรมองข้าม
ภาวะตัวเหลือง หรือที่ทางการแพทย์เรียกว่า จอห์นดิซ (Jaundice) เป็นภาวะที่ผิวหนัง ตาขาว และเยื่อบุต่างๆ ในร่างกายเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ซึ่งเกิดจากการสะสมของสารบิลิรูบินในกระแสเลือด แม้ภาวะตัวเหลืองมักถูกพูดถึงในทารกแรกเกิด แต่ผู้ใหญ่ก็สามารถเกิดภาวะนี้ได้เช่นกัน และบ่อยครั้งที่เป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง ดังนั้น การเข้าใจสาเหตุ อาการ และความอันตรายของภาวะตัวเหลืองในผู้ใหญ่ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
ภาวะตัวเหลืองในผู้ใหญ่สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
-
ภาวะตัวเหลืองก่อนตับ (Pre-hepatic jaundice): เกิดจากการสลายตัวของเม็ดเลือดแดงมากผิดปกติ ทำให้มีบิลิรูบินจำนวนมากเกินกว่าที่ตับจะกำจัดได้ทัน สาเหตุเช่น โรคมาลาเรีย, โรคธาลัสซีเมีย, ภาวะเม็ดเลือดแดงแตกจากปฏิกิริยาภูมิแพ้ต่อยาบางชนิด เป็นต้น
-
ภาวะตัวเหลืองที่ตับ (Hepatic jaundice): เกิดจากความผิดปกติของตับเอง ทำให้ตับไม่สามารถกำจัดบิลิรูบินได้อย่างมีประสิทธิภาพ สาเหตุเช่น ตับอักเสบจากไวรัส, ตับอักเสบจากแอลกอฮอล์, ตับแข็ง, มะเร็งตับ, โรคทางพันธุกรรมบางชนิดที่ส่งผลต่อการทำงานของตับ เป็นต้น
-
ภาวะตัวเหลืองหลังตับ (Post-hepatic jaundice): เกิดจากการอุดตันของท่อน้ำดี ทำให้บิลิรูบินไม่สามารถถูกขับออกจากตับไปยังลำไส้ได้ สาเหตุเช่น นิ่วในถุงน้ำดี, มะเร็งท่อน้ำดี, มะเร็งตับอ่อนส่วนหัวที่กดเบียดท่อน้ำดี เป็นต้น
นอกจากสีผิวและตาที่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองแล้ว ผู้ที่มีภาวะตัวเหลืองอาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ปัสสาวะสีเข้ม อุจจาระสีซีด คันตามผิวหนัง ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย ไข้ และน้ำหนักลด อาการเหล่านี้ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของภาวะตัวเหลือง
ภาวะตัวเหลืองในผู้ใหญ่ถือเป็นภาวะที่อันตรายและไม่ควรมองข้าม หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษา อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น ภาวะตับวาย ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด และภาวะสมองถูกทำลายจากบิลิรูบิน (Kernicterus) ซึ่งพบได้น้อยในผู้ใหญ่แต่ก็เป็นอันตรายถึงชีวิตได้
ดังนั้น หากพบว่าตนเองหรือคนใกล้ชิดมีอาการตัวเหลือง ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับการวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริงและรับการรักษาที่เหมาะสม การตรวจวินิจฉัยอาจรวมถึงการตรวจเลือด การตรวจอัลตราซาวนด์ช่องท้อง การตรวจ CT scan หรือ MRI และการส่องกล้องทางเดินน้ำดี แพทย์จะพิจารณาแนวทางการรักษาตามสาเหตุของภาวะตัวเหลือง ซึ่งอาจรวมถึงการรักษาโรคต้นเหตุ การผ่าตัด หรือการรักษาแบบประคับประคองตามอาการ
อย่าชะล่าใจกับอาการตัวเหลือง เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายแรงที่ซ่อนอยู่ การพบแพทย์อย่างรวดเร็วคือกุญแจสำคัญในการรักษาและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต.
#ความปลอดภัย#ผู้ใหญ่#สารพิษข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต