ร่างกายขาดอะไรถึงอยากกินของหวาน

2 การดู

ร่างกายโหยหาของหวานอาจบ่งบอกถึงการขาดแร่ธาตุสำคัญ เช่น โครเมียม หรือคาร์บอน รวมถึงกรดอะมิโนทริปโตเฟน ลองเสริมด้วยผลไม้สด ชีส หรือมันเทศ อีกทั้งความอยากของหวานยังสัมพันธ์กับความอ่อนเพลีย การพักผ่อนให้เพียงพอหรือออกกำลังกายเบาๆ อาจช่วยลดความต้องการนี้ได้ดีกว่า

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ร่างกายขาดอะไร ถึงอยากกินของหวาน

ความอยากกินของหวานเป็นเรื่องปกติ แต่หากเกิดขึ้นบ่อยครั้งอาจเป็นสัญญาณว่าร่างกายของคุณกำลังขาดแร่ธาตุและสารอาหารบางอย่าง

แร่ธาตุที่ร่างกายขาด

  • โครเมียม: โครเมียมช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เมื่อร่างกายขาดโครเมียม อาจทำให้เกิดอาการอยากกินของหวานได้
  • คาร์บอน: คาร์บอนจำเป็นสำหรับระบบเผาผลาญพลังงาน การขาดคาร์บอนทำให้ร่างกายรู้สึกอ่อนล้า และส่งผลให้เกิดความอยากกินของหวานเพื่อเพิ่มพลังงาน
  • แมกนีเซียม: แมกนีเซียมมีบทบาทสำคัญในการทำงานของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ การขาดแมกนีเซียมทำให้รู้สึกหงุดหงิด เหนื่อยล้า และอยากของหวาน

กรดอะมิโนที่ร่างกายขาด

  • ทริปโตเฟน: ทริปโตเฟนเป็นกรดอะมิโนที่จำเป็นสำหรับการผลิตเซโรโทนิน ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกผ่อนคลายและอารมณ์ดี เมื่อร่างกายขาดทริปโตเฟน อาจทำให้เกิดอาการอยากกินของหวานเพื่อกระตุ้นการผลิตเซโรโทนิน

ปัจจัยอื่นๆ

  • ความอ่อนเพลีย: เมื่อคุณเหนื่อย ร่างกายจะต้องการพลังงานที่รวดเร็ว ซึ่งหาได้จากน้ำตาลในของหวาน
  • การพักผ่อนไม่เพียงพอ: การนอนหลับไม่เพียงพอทำให้ร่างกายปล่อยฮอร์โมนเกรลินซึ่งเพิ่มความอยากอาหาร ซึ่งอาจรวมถึงความอยากของหวาน
  • ความเครียด: ความเครียดกระตุ้นการปล่อยฮอร์โมนคอร์ติซอลซึ่งทำให้เกิดความอยากกินของหวาน

วิธีรับมือกับความอยากของหวาน

หากคุณกำลังประสบกับความอยากของหวานบ่อยๆ ลองทำตามคำแนะนำต่อไปนี้:

  • เสริมอาหารที่มีแร่ธาตุและกรดอะมิโนที่ร่างกายขาด: รวมอาหารที่มีโครเมียม คาร์บอน แมกนีเซียม และทริปโตเฟน เช่น ผลไม้สด ชีส มันเทศ และเนื้อสัตว์ปีก
  • นอนหลับให้เพียงพอ: พยายามนอนหลับให้ได้อย่างน้อย 7-9 ชั่วโมงต่อคืน
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายเป็นวิธีที่ดีในการลดความเครียดและความอ่อนเพลีย ซึ่งอาจช่วยลดความอยากของหวานได้
  • ดื่มน้ำให้มาก: บางครั้งความอยากของหวานอาจสับสนกับอาการขาดน้ำได้ ลองดื่มน้ำเปล่าหนึ่งหรือสองแก้วก่อนที่จะกินของหวาน

หากความอยากของหวานของคุณยังคงรุนแรงหรือส่งผลต่อคุณภาพชีวิต อาจเป็นการดีที่จะปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการเพื่อหาสาเหตุและการรักษาที่เหมาะสม