วิตามินซีไม่ควรทาคู่กับอะไร

6 การดู

วิตามินซี ไม่ควรใช้ร่วมกับเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ เพราะอาจลดประสิทธิภาพของทั้งสองตัว และอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้ การใช้ AHA/BHA ร่วมกันก็อาจส่งผลเช่นเดียวกัน การใช้วิตามินซีกับสารสกัดคอลลาเจนอาจไม่มีประโยชน์เพิ่มเติม และการใช้ร่วมกับไนอาซิเนไมด์อาจส่งผลต่อการดูดซึมของวิตามินซีได้

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

วิตามินซี : เพื่อนแท้ผิวสวย แต่ต้องระวังคู่หู!

วิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระทรงประสิทธิภาพที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในการดูแลผิวพรรณ ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดเลือนริ้วรอย และเสริมสร้างคอลลาเจน แต่ความมหัศจรรย์ของวิตามินซีนี้กลับลดลง หรืออาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์หากใช้ร่วมกับสารบางชนิด มาดูกันว่าอะไรบ้างที่ไม่ควรใช้คู่กับวิตามินซี เพื่อให้การบำรุงผิวของคุณได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัย

1. เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) : คู่กัดแห่งวงการดูแลผิว

เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ เป็นส่วนผสมยอดนิยมในผลิตภัณฑ์รักษาสิว เนื่องจากมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย อย่างไรก็ตาม การใช้เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ร่วมกับวิตามินซีกลับส่งผลเสียมากกว่าผลดี เพราะทั้งสองสารมีฤทธิ์เป็นกรด เมื่อใช้ร่วมกันอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมีที่ลดประสิทธิภาพของทั้งสองตัวลง ยิ่งไปกว่านั้น ยังเสี่ยงต่อการระคายเคืองผิว ทำให้ผิวแห้ง แดง และลอกเป็นขุย ควรเว้นระยะการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมทั้งสองอย่างนี้ห่างกันอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง หรือเลือกใช้ในช่วงเวลาต่างกันของวัน เช่น ใช้วิตามินซีตอนเช้า และเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ตอนกลางคืน

2. AHA/BHA : กรดผลัดเซลล์ผิวที่ต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง

AHA (Alpha Hydroxy Acid) และ BHA (Beta Hydroxy Acid) เป็นกรดผลัดเซลล์ผิวที่นิยมใช้ในการลดเลือนรอยดำ รอยแดง และปรับผิวให้เรียบเนียน แม้ว่าทั้ง AHA/BHA และวิตามินซีต่างก็เป็นสารที่มีประโยชน์ต่อผิว แต่การใช้ร่วมกันอาจทำให้ผิวไวต่อแสงมากขึ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดการระคายเคือง และอาจทำให้ผิวบางลงได้ หากต้องการใช้ทั้งสองอย่าง ควรเริ่มต้นด้วยการใช้ในปริมาณน้อยๆ และทดสอบกับบริเวณผิวเล็กๆ ก่อน เพื่อสังเกตอาการแพ้หรือระคายเคือง และควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงเป็นประจำทุกวัน

3. สารสกัดคอลลาเจน : เพิ่มประสิทธิภาพไม่ได้เสมอไป

หลายคนเข้าใจผิดว่าการใช้วิตามินซีร่วมกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีสารสกัดคอลลาเจนจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างคอลลาเจนได้มากขึ้น ความจริงแล้ว การใช้ร่วมกันอาจไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด เพราะวิตามินซีทำหน้าที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวอยู่แล้ว การเพิ่มสารสกัดคอลลาเจนเข้ามาอาจไม่ได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพอย่างมีนัยสำคัญ และอาจทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ

4. ไนอาซิเนไมด์ (Niacinamide) : การดูดซึมที่อาจถูกรบกวน

ไนอาซิเนไมด์ เป็นวิตามินบี 3 ที่มีประโยชน์ต่อผิวหลายด้าน เช่น ควบคุมความมัน ลดรอยแดง และช่วยลดการอักเสบ อย่างไรก็ตาม การใช้ไนอาซิเนไมด์ร่วมกับวิตามินซีอาจส่งผลต่อการดูดซึมของวิตามินซี ทำให้ประสิทธิภาพลดลง แม้จะไม่ถึงขั้นเกิดปฏิกิริยาที่เป็นอันตราย แต่ก็อาจทำให้การบำรุงผิวไม่คุ้มค่า จึงควรเว้นระยะการใช้หรือใช้ในช่วงเวลาที่ต่างกัน เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากทั้งสองสาร

การดูแลผิวด้วยวิตามินซีให้ได้ผลดีนั้น ขึ้นอยู่กับความเข้าใจในคุณสมบัติของสารบำรุง และการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม การหลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับสารที่อาจขัดขวางประสิทธิภาพ หรือก่อให้เกิดผลข้างเคียง จะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากวิตามินซี และมีผิวพรรณที่สวยงามอย่างปลอดภัย หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังหรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณ