สะบักจมหายเองไหม

4 การดู

การฟื้นฟูอาการสะบักจมสามารถทำได้ด้วยการยืดเหยียดกล้ามเนื้อหลังและไหล่ ควบคู่กับการปรับท่าทางการนั่งและการยกของอย่างถูกวิธี การออกกำลังกายแบบแอโรบิกเบาๆ เช่น การเดิน ช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต ลดอาการปวดและช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ความสม่ำเสมอสำคัญที่สุดในการบรรเทาอาการ หากอาการไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

สะบักจมหายเองได้จริงหรือ? ไขข้อข้องใจ พร้อมแนวทางดูแลตนเองอย่างถูกวิธี

อาการ “สะบักจม” เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ทำงานออฟฟิศ หรือผู้ที่มีอิริยาบถซ้ำๆ เป็นเวลานาน อาการนี้มักมาพร้อมกับความรู้สึกปวดเมื่อย ตึงรั้ง บริเวณหลังส่วนบน หัวไหล่ และอาจลามไปถึงต้นคอ ทำให้เกิดความไม่สบายตัวและส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

หลายคนอาจสงสัยว่า อาการสะบักจมสามารถหายเองได้หรือไม่? คำตอบคือ มีโอกาสหายเองได้ แต่ต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน และที่สำคัญที่สุดคือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและดูแลตนเองอย่างถูกวิธี

ทำไมสะบักจมถึงหายเองได้?

อาการสะบักจมส่วนใหญ่มักเกิดจากกล้ามเนื้อบริเวณหลังและไหล่เกิดการตึงตัว หดเกร็ง หรืออักเสบเล็กน้อย ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจาก:

  • ท่าทางที่ไม่เหมาะสม: การนั่งหลังค่อม การก้มหน้าจ้องคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน หรือการยกของหนักด้วยท่าที่ไม่ถูกต้อง
  • การใช้งานกล้ามเนื้อซ้ำๆ: การพิมพ์งาน การขับรถ หรือการทำกิจกรรมที่ต้องใช้กล้ามเนื้อหลังและไหล่อย่างต่อเนื่อง
  • ความเครียด: ความเครียดสามารถทำให้กล้ามเนื้อตึงตัวและหดเกร็งได้
  • การขาดการออกกำลังกาย: กล้ามเนื้อที่อ่อนแอจะทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยได้ง่าย

เมื่อสาเหตุเหล่านี้ถูกแก้ไข หรือลดทอนลง กล้ามเนื้อที่ตึงตัวก็จะค่อยๆ ผ่อนคลาย และอาการสะบักจมก็จะค่อยๆ ดีขึ้นได้เอง

แนวทางการดูแลตนเองเพื่อบรรเทาอาการสะบักจม:

  1. ปรับเปลี่ยนท่าทาง:
    • นั่งหลังตรง ให้หลังพิงพนักเก้าอี้
    • ปรับระดับความสูงของเก้าอี้และโต๊ะทำงานให้เหมาะสม
    • พักสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ทุกๆ 20 นาที โดยมองไปยังวัตถุที่อยู่ไกลออกไป
    • หลีกเลี่ยงการก้มหน้าเป็นเวลานาน
    • ยกของหนักด้วยท่าที่ถูกต้อง โดยใช้กำลังจากขาและลำตัว ไม่ใช้กำลังจากหลัง
  2. ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ:
    • ยืดเหยียดกล้ามเนื้อหลัง ไหล่ และคอ เป็นประจำ
    • เน้นการยืดเหยียดแบบ Static Stretching (ค้างไว้ 15-30 วินาที)
    • ตัวอย่างท่าที่แนะนำ:
      • ยืดกล้ามเนื้อ Trapezius: เอียงศีรษะไปด้านข้าง ค้างไว้ 15-30 วินาที ทำสลับข้าง
      • ยืดกล้ามเนื้อ Rhomboids: ประสานมือไปด้านหน้า โก่งหลัง ยืดตัวไปข้างหน้า ค้างไว้ 15-30 วินาที
      • ยืดกล้ามเนื้อ Pectoralis Major: ยืนหันหน้าเข้ามุมห้อง วางมือบนผนัง เอียงตัวไปข้างหน้า ค้างไว้ 15-30 วินาที
  3. ออกกำลังกาย:
    • ออกกำลังกายแบบแอโรบิกเบาๆ เช่น การเดิน การว่ายน้ำ หรือการปั่นจักรยาน เพื่อเพิ่มการไหลเวียนโลหิตและลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ
    • ออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลังและไหล่
  4. ประคบร้อนหรือเย็น:
    • ประคบร้อนบริเวณที่ปวดเมื่อย เพื่อช่วยคลายกล้ามเนื้อ
    • ประคบเย็นบริเวณที่มีอาการอักเสบ เพื่อลดอาการบวมและปวด
  5. พักผ่อนให้เพียงพอ:
    • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน
    • ลดความเครียดและหากิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย

เมื่อไหร่ที่ควรปรึกษาแพทย์?

หากอาการสะบักจมไม่ดีขึ้นหลังจากดูแลตนเองแล้ว หรือมีอาการรุนแรงขึ้น เช่น:

  • ปวดร้าวลงแขน
  • ชา หรืออ่อนแรงที่แขนหรือมือ
  • ปวดศีรษะเรื้อรัง
  • มีไข้

ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม เนื่องจากอาการอาจมีสาเหตุจากปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่ร้ายแรงกว่าได้

สรุป

อาการสะบักจมสามารถหายเองได้ หากได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ ออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างไรก็ตาม หากอาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง เพื่อให้คุณกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีอีกครั้ง