อาการของโรคไตอักเสบเรื้อรังมีอะไรบ้าง

2 การดู

สังเกตอาการไตเรื้อรัง: บวมที่ขา เท้า หรือรอบดวงตา, อ่อนเพลียเรื้อรัง, คลื่นไส้ อาเจียน, เบื่ออาหาร, ปวดศีรษะ, นอนไม่หลับ หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม อย่าปล่อยทิ้งไว้นานอาจเป็นอันตรายได้

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

สัญญาณเตือนจากภายใน: เจาะลึกอาการของโรคไตอักเสบเรื้อรังที่คุณอาจมองข้าม

โรคไตอักเสบเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease – CKD) คือภาวะที่ไตค่อยๆ สูญเสียการทำงานอย่างช้าๆ เป็นระยะเวลานาน โดยอาจเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง หรือการอักเสบของไตที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่น่ากังวลคือ ในระยะแรกของโรค ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่มีอาการแสดง ทำให้การวินิจฉัยล่าช้า และเมื่ออาการปรากฏชัดเจน ไตอาจเสียหายไปมากแล้ว การรู้จักสังเกตอาการเริ่มต้นจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง

นอกเหนือจากอาการที่พบบ่อย เช่น บวมบริเวณขา เท้า หรือรอบดวงตา อ่อนเพลียเรื้อรัง คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ปวดศีรษะ และนอนไม่หลับ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนที่ควรใส่ใจแล้ว ยังมีอาการอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้และถูกมองข้ามไป

อาการที่มักถูกมองข้ามและควรสังเกต:

  • ผิวแห้งและคัน: ไตมีหน้าที่ขับของเสียออกจากร่างกาย เมื่อไตทำงานได้ไม่เต็มที่ ของเสียจะสะสมในกระแสเลือด ทำให้เกิดอาการคันตามผิวหนัง และส่งผลให้ผิวแห้งกร้านได้
  • ปัสสาวะผิดปกติ: สังเกตปริมาณและสีของปัสสาวะ การเปลี่ยนแปลงใดๆ ควรได้รับการใส่ใจ เช่น ปัสสาวะบ่อยขึ้น (โดยเฉพาะตอนกลางคืน) ปัสสาวะเป็นฟองมากผิดปกติ ปัสสาวะมีสีเข้ม หรือปัสสาวะมีเลือดปน
  • ตะคริว: ความไม่สมดุลของเกลือแร่ในร่างกาย (เช่น โพแทสเซียม แคลเซียม) ที่เกิดจากการทำงานของไตที่ลดลง อาจนำไปสู่อาการตะคริว โดยเฉพาะที่ขาในเวลากลางคืน
  • รู้สึกหนาวง่าย: ภาวะโลหิตจาง (Anemia) ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ไตผลิตฮอร์โมนที่กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดงได้น้อยลง อาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกหนาวง่ายกว่าปกติ แม้ในสภาพอากาศที่ไม่หนาว
  • สมาธิสั้นและหลงลืม: ของเสียที่สะสมในกระแสเลือดอาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของสมอง ทำให้เกิดปัญหาด้านความจำ สมาธิ และการคิดวิเคราะห์
  • กลิ่นปาก: การสะสมของเสียในร่างกายอาจทำให้เกิดกลิ่นปากที่ผิดปกติ ซึ่งอาจมีลักษณะคล้ายกลิ่นแอมโมเนีย

ทำไมการตรวจพบโรคไตอักเสบเรื้อรังตั้งแต่เนิ่นๆ จึงสำคัญ?

การตรวจพบโรคไตอักเสบเรื้อรังในระยะเริ่มต้นช่วยให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาเพื่อชะลอความเสื่อมของไต ป้องกันภาวะแทรกซ้อน และปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้ การรักษาอาจรวมถึงการควบคุมความดันโลหิตและระดับน้ำตาลในเลือด การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร และการใช้ยาเพื่อลดการอักเสบ

ใครควรเข้ารับการตรวจคัดกรองโรคไต?

บุคคลที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง มีประวัติครอบครัวเป็นโรคไต มีอายุมากกว่า 60 ปี หรือมีโรคประจำตัวอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อไต ควรเข้ารับการตรวจคัดกรองโรคไตเป็นประจำ

สรุป:

การรู้จักสังเกตอาการของโรคไตอักเสบเรื้อรังตั้งแต่เนิ่นๆ เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันความเสียหายของไต หากคุณมีอาการที่กล่าวมาข้างต้น หรือมีปัจจัยเสี่ยง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม การดูแลสุขภาพไตอย่างสม่ำเสมอเป็นกุญแจสำคัญในการมีสุขภาพที่ดีในระยะยาว อย่าละเลยสัญญาณเตือนจากร่างกาย เพราะไตของคุณสำคัญกว่าที่คุณคิด