อาการตาลายเกิดจากสาเหตุอะไร

2 การดู

อาการพร่ามัวมองเห็นภาพไม่ชัด อาจเกิดจากการพักสายตาไม่เพียงพอ ความเครียดสะสม การใช้สายตาหนักติดต่อกันเป็นเวลานาน หรือภาวะขาดน้ำ การรับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ ล้วนส่งผลต่อการทำงานของดวงตา ควรดื่มน้ำมากๆ และพักสายตาบ่อยๆ เพื่อบรรเทาอาการ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ตาลาย…สาเหตุซ่อนเร้นที่คุณอาจมองข้าม

อาการตาลาย หรือที่มักเรียกกันว่า “ตาพร่ามัว” เป็นอาการที่พบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน แม้จะดูเป็นอาการเล็กน้อย แต่หากมองข้ามอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพตาที่ร้ายแรงได้ ความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุที่แท้จริงจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการป้องกันและรักษา

บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจสาเหตุของอาการตาลายที่หลากหลาย โดยแบ่งแยกออกเป็นสาเหตุหลักๆ เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพดวงตาอย่างถูกวิธี:

1. ปัจจัยจากการใช้สายตาและวิถีชีวิต:

  • การใช้สายตาหนักเกินไป: การจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตเป็นเวลานาน โดยไม่พักสายตา เป็นสาเหตุหลักของอาการตาลาย กล้ามเนื้อตาจะทำงานหนัก ทำให้เกิดความเมื่อยล้า มองภาพไม่ชัด และอาจมีอาการปวดตาตามมา
  • การพักสายตาไม่เพียงพอ: การทำงานหรือใช้สายตาต่อเนื่องเป็นเวลานานโดยไม่พัก จะทำให้กล้ามเนื้อตาอ่อนล้า ส่งผลให้เกิดอาการตาลาย การพักสายตาอย่างถูกวิธี เช่น การมองไปที่วัตถุไกลๆ เป็นระยะๆ จะช่วยลดอาการนี้ได้
  • ความเครียด: ความเครียดสะสม นอกจากจะส่งผลต่อสุขภาพกายแล้ว ยังส่งผลต่อสุขภาพตาได้เช่นกัน ความเครียดอาจทำให้กล้ามเนื้อตาตึง เกิดอาการตาลาย ปวดหัว และมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย
  • ภาวะขาดน้ำ: ร่างกายขาดน้ำ จะส่งผลต่อการทำงานของอวัยวะต่างๆ รวมทั้งดวงตาด้วย การดื่มน้ำไม่เพียงพอ อาจทำให้ดวงตาแห้ง เกิดอาการตาลาย และมองเห็นภาพไม่ชัดเจน
  • การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ: การนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ จะส่งผลต่อการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย รวมทั้งระบบประสาทตา ทำให้เกิดอาการตาลายได้

2. ปัจจัยด้านสุขภาพ:

  • ภาวะสายตาผิดปกติ: เช่น สายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง หรือโรคต้อกระจก ต้อหิน เป็นต้น ซึ่งต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยและรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  • การขาดวิตามินและแร่ธาตุ: การรับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะการขาดวิตามินเอ อาจส่งผลต่อสุขภาพตา ทำให้เกิดอาการตาลายได้
  • โรคเบาหวาน: ผู้ป่วยโรคเบาหวาน มีโอกาสที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ตา เช่น โรคจอประสาทตาเสื่อม ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการตาลายได้
  • โรคความดันโลหิตสูง: ความดันโลหิตสูง สามารถทำลายหลอดเลือดฝอยในจอประสาทตา ทำให้เกิดอาการตาลายได้เช่นกัน
  • การใช้ยาบางชนิด: ยาบางชนิด อาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการตาลายได้

การดูแลรักษาและป้องกัน:

หากพบอาการตาลายบ่อยๆ หรือมีอาการรุนแรง ควรไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจักษุวิทยา เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย และรับการรักษาที่ถูกต้อง การดูแลสุขภาพดวงตาอย่างถูกวิธี เช่น การพักสายตา การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การดื่มน้ำอย่างเพียงพอ และการหลีกเลี่ยงความเครียด เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงต่อการเกิดอาการตาลายได้

หมายเหตุ: บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเท่านั้น ไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ หากมีอาการตาลาย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง