อาการสับสนของผู้ป่วยวาระสุดท้ายมีกี่ประเภท อะไรบ้าง

7 การดู

อาการสับสนในผู้ป่วยระยะสุดท้าย แบ่งเป็นสองแบบหลัก คือ แบบกระวนกระวาย และแบบเงียบขรึม แบบกระวนกระวายสังเกตได้ง่ายกว่า มีอาการซุกซน ก้าวร้าว หรือ ตื่นตัวผิดปกติ ส่วนแบบเงียบขรึม ผู้ป่วยอาจดูเฉื่อยชา แยกตัว หรือ ไม่แสดงความสนใจ ญาติต้องสังเกตอย่างระมัดระวัง เพื่อแยกแยะจากภาวะซึมเศร้าหรือความจำเสื่อม

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

อาการสับสนในผู้ป่วยระยะสุดท้าย: มากกว่าแค่ “เหม่อลอย”

อาการสับสนในผู้ป่วยวาระสุดท้าย เป็นอาการที่พบได้บ่อยและสร้างความกังวลใจให้กับทั้งผู้ป่วยและครอบครัวอย่างมาก แต่ความเข้าใจผิดที่ว่าอาการสับสนเป็นเพียง “เหม่อลอย” หรือ “หลงลืม” นั้นเป็นการมองข้ามความซับซ้อนและความแตกต่างของอาการที่แท้จริง การจำแนกประเภทของอาการสับสนอย่างถูกต้องจะช่วยให้ทีมแพทย์และครอบครัวสามารถดูแลผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น

แม้ว่าการแบ่งประเภทอาการสับสนในผู้ป่วยระยะสุดท้ายจะไม่ได้เป็นการแบ่งแบบตายตัว และอาการอาจซ้อนทับกันได้ แต่โดยทั่วไปสามารถแบ่งออกได้เป็นกลุ่มอาการหลักๆ ตามลักษณะการแสดงออก ซึ่งแตกต่างจากการแบ่งแบบง่ายๆ เป็นเพียง “กระวนกระวาย” และ “เงียบขรึม” ที่อาจคลุมเครือเกินไป เราสามารถพิจารณาอาการสับสนได้อย่างละเอียดมากขึ้น ดังนี้:

1. กลุ่มอาการสับสนที่แสดงออกทางพฤติกรรม (Behavioral Manifestations of Delirium): กลุ่มนี้มักสังเกตเห็นได้ง่ายกว่า เนื่องจากมีอาการแสดงออกชัดเจน ซึ่งรวมถึง:

  • อาการกระวนกระวาย (Agitation): ผู้ป่วยแสดงความไม่สงบ กระสับกระส่าย ซุกซน เดินไปมาอย่างไม่มีจุดหมาย อาจมีการพูดจาไม่รู้เรื่อง หรือแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว ร้องไห้ หรือโกรธง่าย นี่คืออาการที่สอดคล้องกับคำจำกัดความเดิมของ “แบบกระวนกระวาย”
  • อาการหลงผิด (Delusions): ผู้ป่วยอาจมีความเชื่อที่ผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง เช่น เชื่อว่ามีคนแอบมาทำร้าย หรือเห็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง
  • อาการประสาทหลอน (Hallucinations): ผู้ป่วยอาจได้ยิน เห็น หรือรู้สึกถึงสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง เช่น ได้ยินเสียงคนพูดคุย หรือเห็นเงาคนเดินไปมา
  • การเปลี่ยนแปลงอารมณ์อย่างรวดเร็ว (Rapid Mood Swings): อารมณ์ของผู้ป่วยเปลี่ยนแปลงไปมาอย่างรวดเร็ว อาจมีความสุข เศร้า หรือโกรธ ได้ภายในเวลาอันสั้น

2. กลุ่มอาการสับสนที่แสดงออกทางความรู้ความเข้าใจ (Cognitive Manifestations of Delirium): กลุ่มอาการนี้ อาจสังเกตได้ยากกว่า เนื่องจากการแสดงออกไม่ชัดเจนเท่ากลุ่มแรก และอาจคล้ายกับอาการของโรคอื่นๆ เช่น ภาวะซึมเศร้าหรือความจำเสื่อม ซึ่งรวมถึง:

  • ความสับสน (Confusion): ผู้ป่วยสับสนเกี่ยวกับเวลา สถานที่ หรือบุคคล อาจไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน หรือวันนี้เป็นวันอะไร
  • ความจำเสื่อม (Memory Impairment): ความจำระยะสั้นลดลงอย่างเห็นได้ชัด อาจจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ไม่ได้
  • การลดลงของการรับรู้ (Decreased Awareness): ผู้ป่วยอาจดูเฉื่อยชา ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง หรือตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้ช้าลง นี่คือส่วนหนึ่งที่สอดคล้องกับคำจำกัดความเดิมของ “แบบเงียบขรึม” แต่ควรแยกแยะจากภาวะซึมเศร้า โดยพิจารณาจากการแสดงออกทางอารมณ์และพฤติกรรมอื่นๆ ร่วมด้วย

การแยกแยะชนิดและความรุนแรงของอาการสับสนจำเป็นต้องอาศัยการสังเกตอย่างละเอียด รวมทั้งประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย การตรวจร่างกาย และการประเมินจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การเข้าใจอาการสับสนในมิติที่กว้างขวางกว่าเดิมจะช่วยให้การดูแลผู้ป่วยวาระสุดท้ายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ บรรเทาความทุกข์ทรมาน และมอบคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดให้กับผู้ป่วยและครอบครัวได้อย่างแท้จริง