อาการเริ่มแรกของโรคเบาหวานเป็นอย่างไร

9 การดู

โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่เกิดจากร่างกายไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างเหมาะสม อาการเบื้องต้นของโรคเบาหวานอาจรวมถึง ปัสสาวะบ่อยมากขึ้น หิวน้ำบ่อยมากขึ้น อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย น้ำหนักลดลง โดยไม่ทราบสาเหตุ และแผลหายช้า

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

อาการเริ่มต้นของโรคเบาหวานที่คุณอาจมองข้ามไป

โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่ส่งผลกระทบต่อหลายล้านคนทั่วโลก แม้จะเป็นโรคที่รู้จักกันดี แต่หลายคนกลับไม่รู้จักอาการเริ่มต้นที่แฝงตัวอยู่ ความไม่รู้จักอาการเหล่านี้ทำให้การวินิจฉัยและการรักษาล่าช้า ส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงในระยะยาวได้ ดังนั้น การเรียนรู้เกี่ยวกับอาการเบื้องต้นจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง

อาการของโรคเบาหวานนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล และบางครั้งอาจไม่แสดงอาการใดๆ เลยเป็นเวลานาน โดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งมักจะค่อยๆ พัฒนาขึ้น แต่ถ้าสังเกตดีๆ จะพบเบาะแสสำคัญที่บ่งชี้ถึงความผิดปกติของระดับน้ำตาลในเลือด อาการเหล่านี้อาจดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อยในตอนแรก แต่หากมีอาการดังต่อไปนี้บ่อยครั้ง ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด:

อาการที่ควรระวัง:

  • ปัสสาวะบ่อยและมากขึ้น (Polyuria): นี่เป็นสัญญาณสำคัญของโรคเบาหวาน เนื่องจากร่างกายพยายามกำจัดน้ำตาลส่วนเกินออกจากร่างกายผ่านทางปัสสาวะ จึงทำให้รู้สึกปัสสาวะบ่อยขึ้น ทั้งกลางวันและกลางคืน

  • กระหายน้ำมากขึ้น (Polydipsia): ร่างกายพยายามชดเชยการสูญเสียน้ำจากการปัสสาวะบ่อยๆ ทำให้รู้สึกกระหายน้ำอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะดื่มน้ำไปแล้วมากก็ตาม

  • หิวบ่อย (Polyphagia): ร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลเข้าสู่เซลล์เพื่อใช้เป็นพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้รู้สึกหิวบ่อย แม้จะทานอาหารไปแล้วก็ตาม แต่ก็ยังรู้สึกอ่อนเพลียและไม่มีเรี่ยวแรง

  • อ่อนเพลียและเหนื่อยล้า: การขาดพลังงานจากการที่ร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้รู้สึกอ่อนเพลียและเหนื่อยล้า แม้จะพักผ่อนเพียงพอแล้วก็ตาม

  • น้ำหนักลดลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ: ร่างกายเผาผลาญไขมันและกล้ามเนื้อเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน เนื่องจากไม่สามารถใช้กลูโคสได้อย่างถูกต้อง จึงทำให้เกิดการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ได้พยายามลดน้ำหนัก

  • แผลหายช้า: ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดไม่ดี ทำให้แผลหายช้ากว่าปกติ และอาจติดเชื้อได้ง่าย

  • มองไม่ชัด: ระดับน้ำตาลในเลือดสูงอาจทำให้เลนส์ในตาบวม ส่งผลให้มองเห็นภาพไม่ชัดเจน หรือพร่ามัว

  • รู้สึกชาหรือปวดที่มือและเท้า (Neuropathy): ในระยะต่อมา อาจเกิดอาการชาหรือปวดที่มือและเท้า เนื่องจากเส้นประสาทถูกทำลายจากระดับน้ำตาลในเลือดสูง

สิ่งสำคัญ: หากคุณมีอาการเหล่านี้ อย่าละเลย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจระดับน้ำตาลในเลือด การตรวจวินิจฉัยและการรักษาอย่างทันท่วงทีจะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต การมีวิถีชีวิตที่ดี เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการควบคุมน้ำหนัก ก็เป็นส่วนสำคัญในการป้องกันและควบคุมโรคเบาหวานได้เช่นกัน