อาการ ใด ที่ บ่ง บอก ว่า บุคคล นั้น กำลัง จะ เสีย ชีวิต และ ต้อง ช่วย อย่าง เร่ง ด่วน

2 การดู

อาการหายใจติดขัดร่วมกับเสียงหวีดแหลมผิดปกติจากทางเดินหายใจ ผิวซีดหรือเขียวคล้ำ ชีพจรเบาและเร็วผิดปกติ หรือมีอาการชักกระตุกอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง ล้วนบ่งบอกถึงภาวะฉุกเฉินที่ต้องการการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ควรประเมินสถานการณ์และขอความช่วยเหลือจากหน่วยแพทย์โดยทันที

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

สัญญาณเตือนชีวิต : เมื่อร่างกายส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ

การรับรู้สัญญาณเตือนที่ร่างกายส่งออกมาเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสัญญาณเหล่านั้นบ่งบอกถึงภาวะคุกคามถึงชีวิต ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับอาการที่บ่งบอกถึงอันตรายถึงชีวิตจะช่วยให้เราสามารถตอบสนองได้อย่างทันท่วงทีและช่วยชีวิตผู้ประสบเหตุได้ บทความนี้จะกล่าวถึงอาการสำคัญๆ ที่ควรระมัดระวังและกระตุ้นให้เราขอความช่วยเหลือจากหน่วยแพทย์โดยเร่งด่วน

อาการวิกฤตที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน:

หลายอาการอาจเกิดขึ้นพร้อมกันหรือแยกกัน การปรากฏตัวของอาการเหล่านี้แม้เพียงอย่างเดียวก็ควรได้รับการพิจารณาอย่างจริงจังและควรขอความช่วยเหลือทางการแพทย์โดยทันที:

  • ภาวะหายใจล้มเหลว (Respiratory Failure): นี่คืออาการที่อันตรายอย่างยิ่ง หายใจลำบากอย่างรุนแรง หายใจเร็วหรือช้าผิดปกติ อาจมีเสียงหวีดแหลมผิดปกติจากทางเดินหายใจ (wheezing) ริมฝีปากหรือปลายนิ้วมือเขียวคล้ำ (cyanosis) และอาจหมดสติได้ สาเหตุอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น โรคหอบหืดกำเริบ ปอดบวม หรือการอุดตันของทางเดินหายใจ การขาดออกซิเจนในสมองอย่างรวดเร็วจะนำไปสู่ความเสียหายอย่างถาวรหรือเสียชีวิตได้

  • ภาวะช็อก (Shock): ร่างกายไม่สามารถส่งเลือดไปเลี้ยงอวัยวะสำคัญได้อย่างเพียงพอ อาการอาจรวมถึงผิวซีด เหงื่อออกมาก ชีพจรเร็วและอ่อน ความดันโลหิตต่ำ รู้สึกหนาวสั่น เวียนศีรษะ และอาจหมดสติได้ สาเหตุอาจเกิดจากการเสียเลือดมาก การติดเชื้อรุนแรง หรือภาวะแพ้ยาอย่างรุนแรง การรักษาอย่างทันท่วงทีเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันความเสียหายถาวรต่ออวัยวะสำคัญ

  • อาการชัก (Seizure): การชักกระตุกอย่างรุนแรงและต่อเนื่องนานเกินกว่า 5 นาที หรือการชักซ้ำๆ เป็นสัญญาณเตือนอันตราย อาจเกิดจากโรคลมบ้าหมู ภาวะสมองบวม หรือสาเหตุอื่นๆ การชักที่ยาวนานอาจทำให้สมองขาดออกซิเจน นำไปสู่ความเสียหายถาวรหรือเสียชีวิตได้

  • เจ็บหน้าอกอย่างรุนแรง (Severe Chest Pain): เจ็บหน้าอกอย่างรุนแรง กดทับ และร้าวไปที่แขนหรือขากรรไกร อาจเป็นอาการของโรคหัวใจขาดเลือดหรือกล้ามเนื้อหัวใจตาย ความล่าช้าในการรักษาอาจนำไปสู่ความเสียหายถาวรของหัวใจหรือเสียชีวิตได้

  • หมดสติ (Loss of Consciousness): การหมดสติอย่างกะทันหัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีสาเหตุที่ไม่ทราบ เป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญอย่างยิ่ง อาจเป็นผลมาจากภาวะหัวใจหยุดเต้น อุบัติเหตุทางสมอง หรือภาวะเลือดออกในสมอง

การดำเนินการเมื่อพบผู้ป่วยในภาวะวิกฤต:

  1. ประเมินสถานการณ์อย่างรวดเร็ว: ตรวจสอบการหายใจ ชีพจร และระดับสติของผู้ป่วย

  2. โทรแจ้งหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน (1669 ในประเทศไทย): อธิบายอาการและสถานการณ์อย่างชัดเจน ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่

  3. ให้การช่วยเหลือเบื้องต้น: หากได้รับการฝึกอบรมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน (CPR) สามารถทำการช่วยชีวิตเบื้องต้นได้ แต่ควรให้ความสำคัญกับการโทรขอความช่วยเหลือจากหน่วยแพทย์ก่อน

บทสรุป:

การรู้จักอาการที่บ่งบอกถึงอันตรายถึงชีวิตเป็นสิ่งจำเป็น การตอบสนองอย่างรวดเร็วและการขอความช่วยเหลือจากหน่วยแพทย์ทันทีอาจช่วยชีวิตผู้ประสบเหตุได้ อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือเมื่อสงสัยว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น เพราะเวลาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในสถานการณ์ฉุกเฉินเหล่านี้ บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเท่านั้น ไม่ควรใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ