ฮอร์โมนที่ลดระดับน้ําตาลในเลือด มีอะไรบ้าง

9 การดู

ฮอร์โมนที่ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดหลังรับประทานอาหาร คือ อินซูลิน อินซูลินผลิตจากตับอ่อน และมีหน้าที่นำน้ำตาลจากกระแสเลือดเข้าสู่เซลล์ เพื่อให้ร่างกายนำไปใช้เป็นพลังงาน

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ฮอร์โมนควบคุมระดับน้ำตาล: ไม่ได้มีแค่อินซูลิน!

เรามักได้ยินว่า “อินซูลิน” เป็นฮอร์โมนสำคัญที่ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด และมักเข้าใจผิดว่าเป็นฮอร์โมนชนิดเดียวที่มีบทบาทนี้ ความจริงแล้วร่างกายเรามีกลไกที่ซับซ้อนกว่านั้นในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุล โดยมีฮอร์โมนหลายชนิดร่วมทำงาน ไม่ใช่แค่อินซูลินเท่านั้น

บทความนี้จะพาไปสำรวจฮอร์โมนต่างๆ ที่มีส่วนช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด นอกเหนือจากอินซูลินที่เรารู้จักกันดีอยู่แล้ว

1. อินซูลิน (Insulin): ฮีโร่ผู้คุ้นเคย

อินซูลิน ผลิตจากเซลล์เบต้าในตับอ่อน ทำหน้าที่เสมือน “กุญแจ” ที่ไขประตูเซลล์ให้เปิดรับ “น้ำตาลกลูโคส” ในกระแสเลือดเข้าไป เปรียบเสมือนการนำน้ำตาลไปเก็บไว้ในคลัง เพื่อใช้เป็นพลังงานหรือนำไปเก็บสะสมในรูปแบบอื่นๆ ต่อไป

2. เอไมลิน (Amylin): พลังเสริมจากตับอ่อน

ฮอร์โมนเอไมลิน ถูกค้นพบในภายหลัง ผลิตจากเซลล์เบต้าในตับอ่อนเช่นเดียวกับอินซูลิน ทำงานเสริมกันโดยช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดหลังมื้ออาหาร ลดการหลั่งกลูคากอน (ฮอร์โมนที่เพิ่มระดับน้ำตาล) และส่งผลต่อสมองส่วนควบคุมความอยากอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น

3. อินเครติน (Incretin): ส่งสัญญาณเตือนภัย

ฮอร์โมนกลุ่มอินเครติน เช่น GLP-1 และ GIP ผลิตจากลำไส้เล็กเมื่อเรารับประทานอาหาร ทำหน้าที่ส่งสัญญาณไปยังตับอ่อนให้หลั่งอินซูลิน เพิ่มความไวของเซลล์ต่ออินซูลิน และลดการหลั่งกลูคากอน นอกจากนี้ยังช่วยชะลอการเคลื่อนตัวของอาหารออกจากกระเพาะ ทำให้อิ่มนานขึ้น

4. โซมาโตสแตติน (Somatostatin): ผู้ควบคุมเบื้องหลัง

ฮอร์โมนนี้ผลิตได้จากหลายอวัยวะ เช่น ไฮโปทาลามัส ตับอ่อน และลำไส้ ทำหน้าที่สำคัญคือควบคุมการหลั่งของฮอร์โมนชนิดอื่นๆ รวมถึงการยับยั้งการหลั่งกลูคากอน และชะลอการเคลื่อนตัวของอาหารในระบบทางเดินอาหาร ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง

จะเห็นได้ว่า ระบบควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกายมีความซับซ้อน มีฮอร์โมนมากมายที่ทำงานประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ หากระบบนี้ทำงานผิดปกติไป จะนำไปสู่ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงหรือต่ำเกินไป ส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้ การดูแลสุขภาพ เลือกรับประทานอาหาร และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาสมดุลของฮอร์โมนเหล่านี้ และส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวมในระยะยาว