เกาแล้วเป็นจุดเลือดเกิดจากอะไร

1 การดู

ข้อมูลแนะนำใหม่:

การเกาจนเกิดจุดเลือดอาจเกิดจากเส้นเลือดฝอยแตก, เกล็ดเลือดต่ำ หรือผิวหนังบางในผู้สูงอายุ หากเป็นบ่อย หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น เลือดออกง่าย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม เช่น ตรวจเลือดเพื่อดูระดับเกล็ดเลือดและเม็ดเลือด

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เกาจนเป็นจุดเลือด: ทำไมถึงเกิดขึ้น และควรทำอย่างไร?

อาการคันยุบยิบตามผิวหนัง เป็นสิ่งที่ใครหลายคนต้องเผชิญ แต่บางครั้งการเกาเพื่อบรรเทาความรำคาญ กลับนำมาซึ่งรอยแดง จุดเลือดเล็กๆ ที่สร้างความกังวลใจ สาเหตุที่แท้จริงของการเกิดจุดเลือดจากการเกาคืออะไร? และเราควรดูแลรักษาอย่างไร? บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจในเรื่องนี้อย่างละเอียด

เมื่อการเกาทำร้ายผิว: สาเหตุของจุดเลือด

การเกาอย่างรุนแรงส่งผลกระทบโดยตรงต่อชั้นผิวหนังของเรา ผิวหนังประกอบด้วยหลอดเลือดฝอยเล็กๆ จำนวนมาก เมื่อเราเกาด้วยความแรง หลอดเลือดฝอยเหล่านี้อาจแตกออก ทำให้เกิดจุดเลือดเล็กๆ ใต้ผิวหนังที่เราเห็นได้ชัดเจน ซึ่งมีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการนี้ได้ง่ายขึ้น:

  • เส้นเลือดฝอยเปราะบาง: โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ผิวหนังจะบางลงและความยืดหยุ่นของเส้นเลือดลดลง ทำให้เส้นเลือดฝอยแตกง่ายเมื่อถูกรบกวนจากการเกา
  • เกล็ดเลือดต่ำ: เกล็ดเลือดมีหน้าที่ในการแข็งตัวของเลือด หากร่างกายมีเกล็ดเลือดต่ำ เลือดจะแข็งตัวได้ช้า ทำให้หลอดเลือดฝอยที่แตกจากการเกา มีโอกาสรั่วซึมออกมาเป็นจุดเลือดได้มากขึ้น
  • ผิวแห้ง: ผิวที่แห้งจะขาดความชุ่มชื้น ทำให้ผิวหนังบางและอ่อนแอลง การเกาจึงมีโอกาสทำให้เกิดการฉีกขาดของผิวหนังและหลอดเลือดฝอยได้ง่ายกว่า
  • การใช้ยาบางชนิด: ยาบางชนิด เช่น ยาแอสไพริน หรือยาต้านการแข็งตัวของเลือด อาจส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด ทำให้เกิดรอยช้ำหรือจุดเลือดได้ง่ายขึ้น
  • โรคประจำตัว: โรคบางชนิด เช่น โรคภูมิแพ้ผิวหนัง (Eczema) หรือโรคผิวหนังอักเสบ (Dermatitis) ทำให้ผิวหนังบอบบางและไวต่อการระคายเคืองมากขึ้น ทำให้การเกาส่งผลเสียต่อผิวหนังได้ง่าย

เมื่อไหร่ที่ควรพบแพทย์?

แม้ว่าอาการจุดเลือดจากการเกา มักจะหายได้เองภายในไม่กี่วัน แต่หากพบว่า:

  • อาการเป็นบ่อย: จุดเลือดเกิดขึ้นบ่อย แม้จะเกาเพียงเล็กน้อย
  • มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย: เช่น เลือดออกง่าย เลือดกำเดาไหล เหงือกบวม หรือมีรอยช้ำตามตัวโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • มีอาการคันรุนแรง: คันจนทนไม่ได้ และไม่หายไปแม้จะทาครีมบำรุง
  • มีอาการบวม แดง หรือเจ็บ: บริเวณที่เกิดจุดเลือดมีอาการบวม แดง และเจ็บ แสดงว่าอาจมีการติดเชื้อ

กรณีเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม เช่น ตรวจเลือดเพื่อดูระดับเกล็ดเลือดและเม็ดเลือด หรือทำการตรวจผิวหนัง เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของอาการ

การดูแลและป้องกัน:

เพื่อลดโอกาสในการเกิดจุดเลือดจากการเกา ควรปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้:

  • หลีกเลี่ยงการเกา: หากรู้สึกคัน ให้ใช้วิธีอื่นในการบรรเทาอาการ เช่น ประคบเย็น ทาครีมบำรุงผิว หรือใช้ผ้าก๊อซปิดบริเวณที่คัน
  • รักษาความชุ่มชื้นของผิว: ทาครีมบำรุงผิวเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังอาบน้ำ เพื่อป้องกันผิวแห้ง
  • หลีกเลี่ยงสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง: เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่อ่อนโยน ปราศจากน้ำหอมและสารเคมีที่รุนแรง
  • สวมเสื้อผ้าที่สบาย: เลือกเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้าย หรือผ้าที่ระบายอากาศได้ดี เพื่อลดการเสียดสีกับผิวหนัง
  • ตัดเล็บให้สั้น: เพื่อลดความรุนแรงในการเกา
  • ปรึกษาแพทย์: หากอาการคันไม่ดีขึ้น หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย

สรุป

จุดเลือดจากการเกา เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าผิวหนังของคุณกำลังถูกรบกวน และอาจมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อความแข็งแรงของผิวหนัง การทำความเข้าใจสาเหตุและรู้วิธีดูแลรักษาที่ถูกต้อง จะช่วยให้คุณสามารถป้องกันและบรรเทาอาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหากพบอาการผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม