เก็บปัสสาวะ กี่cc

6 การดู

การเก็บปัสสาวะเพื่อตรวจสอบ ควรเก็บเฉพาะปัสสาวะกลางๆ ปริมาณประมาณ 30-60 มิลลิลิตร (1-2 ออนซ์) ปิดฝาให้แน่น แล้วล้างมือให้สะอาดก่อนนำไปส่ง อย่าให้ปัสสาวะโดนฝาภาชนะ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เก็บปัสสาวะอย่างไรให้ได้ผลตรวจที่แม่นยำ

การเก็บปัสสาวะเพื่อตรวจสุขภาพเป็นกระบวนการที่ดูเรียบง่าย แต่ความถูกต้องแม่นยำของผลตรวจนั้นขึ้นอยู่กับวิธีการเก็บปัสสาวะอย่างมาก การเตรียมตัวและขั้นตอนการเก็บที่ถูกต้องจะช่วยให้แพทย์วินิจฉัยโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะเน้นวิธีการเก็บปัสสาวะเพื่อการตรวจสุขภาพอย่างถูกวิธี โดยเฉพาะปริมาณที่เหมาะสมและวิธีการป้องกันการปนเปื้อน

ปริมาณปัสสาวะที่เหมาะสม:

สำหรับการตรวจปัสสาวะทั่วไป โดยมากแพทย์จะขอปัสสาวะปริมาณประมาณ 30-60 มิลลิลิตร (มล.) หรือเทียบเท่ากับ 1-2 ออนซ์ ปริมาณนี้เพียงพอสำหรับการวิเคราะห์ส่วนประกอบต่างๆ ในปัสสาวะได้อย่างครบถ้วน การเก็บปัสสาวะมากหรือน้อยเกินไปอาจส่งผลให้ผลการตรวจไม่ชัดเจน หรือต้องทำการตรวจซ้ำ การเก็บปัสสาวะในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้การเก็บตัวอย่างยากขึ้น และการเก็บปัสสาวะน้อยเกินไปอาจทำให้สารประกอบสำคัญเจือจางและตรวจไม่พบ

เทคนิคการเก็บปัสสาวะกลาง:

สิ่งสำคัญที่สุดในการเก็บปัสสาวะเพื่อการตรวจ คือการเก็บ ปัสสาวะกลาง นั่นคือ หลังจากที่เริ่มปัสสาวะแล้ว ให้ปล่อยปัสสาวะส่วนแรกออกไปเล็กน้อย จากนั้นจึงเก็บปัสสาวะส่วนกลางลงในภาชนะที่เตรียมไว้ และปล่อยปัสสาวะส่วนท้ายออกไป วิธีนี้ช่วยลดโอกาสการปนเปื้อนจากแบคทีเรียบริเวณอวัยวะเพศ ซึ่งอาจทำให้ผลการตรวจบิดเบือนไปได้

ภาชนะและการเก็บรักษา:

ควรใช้ภาชนะที่สะอาด ปลอดเชื้อ และปิดสนิท ภาชนะที่ใช้ควรเป็นภาชนะที่ทางห้องปฏิบัติการจัดเตรียมไว้ให้ หรือภาชนะสะอาดที่ได้รับการฆ่าเชื้อโรคอย่างเหมาะสม ควรระมัดระวังอย่าให้ปัสสาวะสัมผัสกับฝาภาชนะ เพื่อป้องกันการปนเปื้อน หลังจากเก็บปัสสาวะแล้ว ควรปิดฝาภาชนะให้แน่น และส่งไปยังห้องปฏิบัติการโดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงทางเคมีของปัสสาวะที่อาจส่งผลต่อความแม่นยำของผลตรวจ

ก่อนและหลังการเก็บปัสสาวะ:

  • ก่อนเก็บปัสสาวะ: ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำ เช็ดให้แห้งด้วยผ้าสะอาด เพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากมือ
  • หลังเก็บปัสสาวะ: ล้างมือให้สะอาดอีกครั้ง เพื่อสุขอนามัยที่ดี

การปฏิบัติตามขั้นตอนที่ถูกต้องในการเก็บปัสสาวะ ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของปริมาณ 30-60 มิลลิลิตร แต่รวมถึงเทคนิคการเก็บปัสสาวะกลาง การเลือกใช้ภาชนะที่เหมาะสม และการรักษาความสะอาด ทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลต่อความแม่นยำของผลตรวจและประสิทธิภาพในการวินิจฉัยโรค หากมีข้อสงสัยใดๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการเพื่อคำแนะนำเพิ่มเติมเสมอ