เงินค่าป่วยการล่าสุดของ อสม. เท่าไหร่

0 การดู

คณะรัฐมนตรีอนุมัติเพิ่มค่าตอบแทน อสม. และ อสส. เป็น 2,000 บาทต่อเดือน เริ่ม 1 ตุลาคม 2566 นับเป็นการเพิ่มขึ้นจากเดิมเท่าตัว เพื่อเป็นการเสริมสร้างขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานดูแลสุขภาพประชาชนอย่างเต็มที่ สร้างความมั่นคงทางรายได้ให้แก่บุคลากรสาธารณสุขชุมชนเหล่านี้

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ค่าตอบแทน อสม. ปรับขึ้นเป็น 2,000 บาทต่อเดือน แรงหนุนสำคัญสู่การดูแลสุขภาพชุมชนอย่างยั่งยืน

เสียงเรียกร้องอันยาวนานของ อสม. (อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน) ได้รับการตอบรับอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเพิ่มค่าตอบแทนให้แก่อสม. และ อสส. (อาสาสมัครสาธารณสุขประจำตำบล) เป็นจำนวน 2,000 บาทต่อเดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2566 นับเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากอัตราเดิม ส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อระบบสาธารณสุขของประเทศอย่างเห็นได้ชัด

การปรับเพิ่มค่าตอบแทนครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงแค่การเพิ่มตัวเลขเงินเดือนธรรมดา แต่เป็นการแสดงออกถึงความสำคัญและการให้คุณค่าต่อบทบาทอันยิ่งใหญ่ของ อสม. และ อสส. ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการดูแลสุขภาพประชาชนในระดับพื้นฐาน พวกเขาเป็นด่านหน้าที่คอยติดตามดูแลสุขภาพ ให้ความรู้ ส่งเสริมสุขภาพ และป้องกันโรคในชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ห่างไกลที่การเข้าถึงบริการสาธารณสุขยังเป็นเรื่องท้าทาย

ก่อนหน้านี้ ค่าตอบแทนของ อสม. ถือเป็นปัญหาที่สะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำและความไม่เพียงพอต่อภาระหน้าที่อันหนักอึ้ง การปรับเพิ่มขึ้นเป็น 2,000 บาทต่อเดือน จึงนับเป็นการสร้างความมั่นคงทางรายได้ เสริมสร้างขวัญกำลังใจ และกระตุ้นให้ อสม. และ อสส. ทุ่มเททำงานเพื่อประชาชนอย่างเต็มที่ ส่งผลให้การดูแลสุขภาพในระดับชุมชนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ การปรับเพิ่มค่าตอบแทนยังเป็นการลงทุนระยะยาวในระบบสาธารณสุข เพราะการมี อสม. และ อสส. ที่มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ จะช่วยให้พวกเขามีความพร้อมและทุ่มเทในการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง ลดการขาดแคลนบุคลากรในระดับพื้นฐาน และสามารถรับมือกับสถานการณ์ด้านสาธารณสุขต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการระบาดของโรค การดูแลผู้สูงอายุ หรือการส่งเสริมสุขภาพอนามัยชุมชน

สรุปได้ว่า การเพิ่มค่าตอบแทน อสม. และ อสส. เป็น 2,000 บาทต่อเดือน เป็นมากกว่าการเพิ่มเงินเดือน แต่เป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชน เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ปฏิบัติงานภาคสาธารณสุข และเป็นการวางรากฐานที่สำคัญสู่การดูแลสุขภาพชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต นับเป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจและตระหนักถึงคุณค่าของบุคลากรกลุ่มนี้จากภาครัฐบาลอย่างแท้จริง