เจาะเลือด อยู่ได้นานแค่ไหน

8 การดู

การเก็บตัวอย่างเลือดเพื่อตรวจวัดค่าต่างๆ มีอายุการเก็บที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับชนิดของการตรวจ การตรวจเอนไซม์ตับเก็บได้นาน 24 ชั่วโมงที่อุณหภูมิห้อง การตรวจโปรตีนเก็บได้ไม่เกิน 6 ชั่วโมง และการตรวจค่าน้ำดีเก็บได้นานถึง 3 วัน ที่อุณหภูมิห้อง หากเก็บในตู้เย็น อายุการเก็บจะเพิ่มขึ้น

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เจาะเลือดแล้วเก็บได้นานแค่ไหน? ความจริงที่ควรรู้ก่อนตรวจสุขภาพ

การตรวจเลือดเป็นขั้นตอนสำคัญในการประเมินสุขภาพ แต่หลายคนอาจสงสัยว่าหลังจากเจาะเลือดแล้ว ตัวอย่างเลือดจะเก็บรักษาได้นานแค่ไหนก่อนที่จะเสื่อมสภาพและส่งผลต่อความแม่นยำของผลตรวจ ความจริงแล้วไม่มีคำตอบตายตัว เพราะระยะเวลาในการเก็บรักษาเลือดนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชนิดของการตรวจ ที่ต้องการ อุณหภูมิในการเก็บรักษา และสารกันเลือดแข็งที่ใช้

ข้อมูลที่มักถูกเข้าใจผิดคือ เลือดที่เจาะแล้วสามารถเก็บไว้ได้นานเท่ากันหมด ซึ่งไม่เป็นความจริง ตัวอย่างเช่น การตรวจหาค่าเอนไซม์ในตับ ค่าโปรตีน หรือค่าน้ำดี ล้วนมีระยะเวลาที่เหมาะสมในการเก็บรักษาที่แตกต่างกัน แม้จะเก็บในอุณหภูมิเดียวกันก็ตาม

เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น ลองนึกภาพเลือดเหมือนกับอาหารสด อาหารบางชนิดสามารถเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้องได้นานกว่าชนิดอื่น เช่นเดียวกับเลือด องค์ประกอบบางอย่างในเลือดมีความเสถียรมากกว่าและทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงได้นานกว่า

โดยทั่วไปแล้ว หากเก็บรักษาในอุณหภูมิห้อง เลือดที่ใช้ตรวจหาค่าเอนไซม์บางชนิดอาจเสื่อมสภาพภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ขณะที่เลือดที่ใช้ตรวจหาค่าอื่นๆ อาจเก็บได้นานกว่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น กระบวนการจัดการและขนส่งก็มีผลต่อคุณภาพของตัวอย่างเลือดเช่นกัน

ดังนั้น ก่อนเข้ารับการตรวจเลือด ควรปรึกษาแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการเกี่ยวกับข้อปฏิบัติเฉพาะสำหรับการตรวจแต่ละชนิด เช่น ชนิดของหลอดเก็บเลือดที่ใช้ อุณหภูมิที่เหมาะสมในการเก็บรักษา และระยะเวลาสูงสุดที่สามารถเก็บตัวอย่างเลือดได้ก่อนนำส่งห้องปฏิบัติการ

นอกจากนี้ การปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เช่น การงดน้ำงดอาหารก่อนการตรวจเลือด ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ได้ผลตรวจที่แม่นยำและเชื่อถือได้ เพราะการเตรียมตัวที่ไม่ถูกต้องอาจส่งผลต่อองค์ประกอบในเลือดและทำให้ผลการตรวจคลาดเคลื่อนได้

สรุปคือ อายุของเลือดที่เจาะแล้วขึ้นอยู่กับชนิดของการตรวจเป็นหลัก การเก็บรักษาที่อุณหภูมิที่เหมาะสม และกระบวนการจัดการที่ถูกต้อง เพื่อให้มั่นใจว่าผลการตรวจเลือดมีความแม่นยำและสะท้อนถึงสุขภาพที่แท้จริง ควรปรึกษาแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการเพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสมกับการตรวจแต่ละประเภท