เบาจืดเกี่ยวกับฮอร์โมนอะไร

1 การดู

ตัวอย่างข้อมูลแนะนำใหม่:

สงสัยอาการปัสสาวะบ่อย ดื่มน้ำมากผิดปกติ? โรคเบาจืดอาจมีสาเหตุจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนวาร์โซเพรสซิน ซึ่งผลิตจากสมองส่วนไฮโปทาลามัส ฮอร์โมนนี้ควบคุมการทำงานของไตในการรักษาสมดุลน้ำในร่างกาย หากสงสัย ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เบาจืด: เมื่อสมองสั่งการผิดพลาด การทำงานของฮอร์โมนวาสโซเพรสซิน และบทบาทของไต

โรคเบาจืด (Diabetes insipidus) เป็นภาวะที่ร่างกายขับปัสสาวะออกมาเป็นปริมาณมากผิดปกติ อาจถึงขั้นหลายลิตรต่อวัน แม้จะดื่มน้ำน้อยก็ตาม แตกต่างจากโรคเบาหวานชนิดที่ 1 และ 2 ที่เกี่ยวข้องกับระดับน้ำตาลในเลือด เบาจืดนั้นเกิดจากความผิดปกติในการควบคุมสมดุลน้ำในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงานของฮอร์โมนวาสโซเพรสซิน (Vasopressin) หรือที่รู้จักกันในชื่อแอนติไดอูเรติกฮอร์โมน (Antidiuretic hormone – ADH)

วาสโซเพรสซิน ฮอร์โมนตัวสำคัญที่ควบคุมการทำงานของไต ผลิตจากสมองส่วนไฮโปทาลามัส และถูกเก็บไว้ในต่อมใต้สมองส่วนหลัง หน้าที่หลักของมันคือการกระตุ้นให้ไตดูดซึมน้ำกลับเข้าสู่กระแสเลือด ป้องกันการสูญเสียน้ำออกจากร่างกายมากเกินไป ในภาวะปกติ เมื่อร่างกายขาดน้ำ ระดับวาสโซเพรสซินจะเพิ่มขึ้น ทำให้ไตดูดซึมน้ำได้มากขึ้นและปัสสาวะลดลง ตรงกันข้าม เมื่อร่างกายมีน้ำมากเกินไป ระดับวาสโซเพรสซินจะลดลง ส่งผลให้ไตขับน้ำออกมากขึ้น

เบาจืดสามารถเกิดขึ้นได้จากสองสาเหตุหลัก คือ

  • เบาจืดชนิดกลาง (Central diabetes insipidus): เกิดจากความผิดปกติในสมองส่วนไฮโปทาลามัสหรือต่อมใต้สมองส่วนหลัง ทำให้ร่างกายสร้างวาสโซเพรสซินได้น้อยลงหรือไม่สามารถปล่อยวาสโซเพรสซินออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ สาเหตุอาจมาจากการบาดเจ็บที่ศีรษะ การติดเชื้อ เนื้องอก หรือภาวะทางพันธุกรรม

  • เบาจืดชนิดไต (Nephrogenic diabetes insipidus): เกิดจากความผิดปกติของไตเอง ทำให้ไตไม่ตอบสนองต่อวาสโซเพรสซิน แม้ว่าร่างกายจะสร้างฮอร์โมนนี้ได้ในปริมาณปกติก็ตาม สาเหตุอาจเกิดจากการใช้ยาบางชนิด การติดเชื้อในไต โรคไตเรื้อรัง หรือภาวะทางพันธุกรรมเช่นกัน

อาการสำคัญของโรคเบาจืด ได้แก่ ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะมาก กระหายน้ำมาก ดื่มน้ำบ่อย และอาจมีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น อ่อนเพลีย เวียนศีรษะ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมอาจนำไปสู่ภาวะขาดน้ำรุนแรง อันตรายถึงชีวิตได้

การวินิจฉัยโรคเบาจืดทำได้โดยการตรวจวัดปริมาณปัสสาวะ ตรวจวัดความเข้มข้นของปัสสาวะ และอาจต้องทำการตรวจเลือด ตรวจวัดระดับวาสโซเพรสซิน และการทดสอบเพิ่มเติมอื่นๆ การรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุของโรค อาจรวมถึงการรับประทานยา การดื่มน้ำให้เพียงพอ หรือการรักษาสาเหตุอื่นๆที่เกี่ยวข้อง หากสงสัยว่าตนเองมีอาการของโรคเบาจืด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมโดยเร็วที่สุด