เป็นเบาหวานแล้วหายได้ไหม

เบาหวาน…หายขาดไม่ได้ แต่ “หาย” จากความทุกข์ทรมานได้

คำถามที่ผู้ป่วยเบาหวานและคนใกล้ชิดมักถามซ้ำแล้วซ้ำเล่า คือ “เบาหวานหายได้ไหม?” คำตอบที่ตรงไปตรงมาคือ ไม่หายขาด เบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของตับอ่อนในการผลิตอินซูลิน หรือการที่ร่างกายไม่สามารถใช้ประโยชน์จากอินซูลินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติ นั่นหมายความว่า เราไม่สามารถ “รักษาให้หาย” ได้เหมือนกับไข้หวัดธรรมดา

อย่างไรก็ตาม การที่เบาหวานไม่หายขาดไม่ได้หมายความว่า เราต้องทนทุกข์ทรมานกับภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ตลอดชีวิต ความจริงแล้ว เบาหวานสามารถ “ควบคุม” ได้เป็นอย่างดี และนั่นก็คือกุญแจสำคัญในการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ แม้จะต้องอยู่กับโรคนี้ก็ตาม การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ใกล้เคียงปกติ สามารถลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงต่างๆ ได้อย่างมาก เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวาย โรคตาบอด และแผลเรื้อรังที่หายยาก

การ “หาย” ในบริบทของเบาหวาน จึงไม่ได้หมายถึงการกำจัดโรคออกไปจากร่างกาย แต่หมายถึงการ “หาย” จากความทุกข์ทรมาน จากความกังวล และจากความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการดูแลตนเองอย่างต่อเนื่องและครอบคลุม โดยอาศัยหลักการสำคัญ 3 ประการ คือ

• การควบคุมอาหาร: การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นผักผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี โปรตีนคุณภาพดี และจำกัดอาหารที่มีน้ำตาล ไขมันสูง และแป้งขัดสี การวางแผนการรับประทานอาหารร่วมกับนักกำหนดอาหาร จะช่วยให้การควบคุมน้ำตาลในเลือดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

• การออกกำลังกาย: การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อย 30 นาที ส่วนใหญ่ของวัน จะช่วยให้ร่างกายใช้ประโยชน์จากอินซูลินได้ดีขึ้น ลดระดับน้ำตาลในเลือด และเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและระบบหัวใจและหลอดเลือด

• การติดตามและดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์: การตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ การใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และการเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปี จะช่วยให้แพทย์สามารถตรวจพบและจัดการภาวะแทรกซ้อนได้อย่างทันท่วงที

การใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับเบาหวาน จึงเป็นไปได้ หากเรามีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรค ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และสร้างวินัยในการดูแลสุขภาพของตนเองอย่างต่อเนื่อง เบาหวานอาจไม่หายขาด แต่ความทุกข์ทรมานที่เกิดจากโรคนี้ สามารถ “หาย” ไปได้ ด้วยความพยายามของตัวเราเอง

บทความนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคเบาหวานเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล