เป็นแผลในลำคอรักษายังไง

แผลในลำคอ: วิธีบรรเทาอาการและเมื่อไหร่ควรพบแพทย์

อาการเจ็บคอ แสบร้อน หรือรู้สึกเหมือนมีอะไรติดค้างในลำคอ อาจเป็นสัญญาณของแผลในลำคอ ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย การระคายเคืองจากสารเคมี การพูดมากเกินไป หรือแม้กระทั่งภาวะกรดไหลย้อน แม้ว่าแผลในลำคอส่วนใหญ่มักจะหายได้เองภายในหนึ่งถึงสองสัปดาห์ แต่การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีสามารถช่วยบรรเทาอาการและเร่งกระบวนการรักษาได้

วิธีบรรเทาอาการแผลในลำคอแบบง่ายๆ ที่คุณทำได้เองที่บ้าน:

• ดื่มน้ำอุ่นผสมน้ำผึ้งมะนาว: น้ำอุ่นช่วยละลายเสมหะและบรรเทาอาการระคายเคือง ส่วนน้ำผึ้งมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียและช่วยเคลือบหล่อลื่นลำคอ ขณะที่มะนาวอุดมไปด้วยวิตามินซี ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ควรผสมในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่หวานหรือเปรี้ยวเกินไป เพื่อไม่ให้ระคายเคืองแผลในลำคอมากขึ้น

• รับประทานโยเกิร์ต: โยเกิร์ตมีโพรไบโอติกส์ ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่ดี ช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำคอและกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้เนื้อโยเกิร์ตยังช่วยเคลือบและหล่อลื่นลำคอ ลดอาการระคายเคือง ควรเลือกโยเกิร์ตรสธรรมชาติ ไม่เติมน้ำตาล

• พักเสียง พักผ่อนให้เพียงพอ: การพักเสียงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะการพูดหรือใช้เสียงมากเกินไปจะทำให้แผลในลำคอระคายเคืองมากขึ้นและหายช้า การพักผ่อนที่เพียงพอยังช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงขึ้น เพื่อต่อสู้กับเชื้อโรค

• หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด: อาหารรสจัด เผ็ด ร้อน เปรี้ยว หรือเค็มจัด สามารถกระตุ้นให้แผลในลำคออักเสบมากขึ้น ควรเลือกรับประทานอาหารอ่อนๆ ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก ซุป และผลไม้รสไม่จัด

• กลั้วคอด้วยน้ำเกลือ: การกลั้วคอด้วยน้ำเกลืออุ่นๆ วันละ 2-3 ครั้ง สามารถช่วยลดอาการบวมและฆ่าเชื้อแบคทีเรียในลำคอได้

เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?

แม้ว่าวิธีการข้างต้นจะช่วยบรรเทาอาการได้ แต่หากอาการของคุณไม่ดีขึ้นภายใน 7-10 วัน หรือมีอาการรุนแรงขึ้น เช่น มีไข้สูง กลืนลำบาก ปวดศีรษะอย่างรุนแรง มีต่อมน้ำเหลืองโต หรือมีจุดขาวๆ ขึ้นในลำคอ ควรไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้องต่อไป แพทย์อาจสั่งจ่ายยาปฏิชีวนะ ยาแก้ปวด หรือยาอื่นๆ ตามความเหมาะสมของอาการ

การดูแลสุขภาพและป้องกันการเกิดแผลในลำคอทำได้โดยการดื่มน้ำมากๆ รักษาสุขอนามัยที่ดี ล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง