เล่นมือถือยังไงไม่ให้เสียสายตา

2 การดู

ปรับแสงหน้าจอให้พอเหมาะกับสภาพแวดล้อม หลีกเลี่ยงการใช้มือถือในที่มืดสนิท เลือกใช้ฟีเจอร์ลดแสงสีฟ้าของมือถือ และหมั่นทำแบบฝึกหัดคลายสายตา เช่น มองไปยังวัตถุที่อยู่ไกลๆ เป็นระยะ เพื่อลดความเมื่อยล้าและถนอมสายตาให้แข็งแรงอยู่เสมอ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เล่นมือถืออย่างไรไม่ให้เสียสายตา

ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันอย่างมากมาย โดยเฉพาะการใช้โทรศัพท์มือถือที่กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับหลายๆ คน แต่การใช้มือถือเป็นเวลานานเกินไปอาจส่งผลเสียต่อดวงตาได้ หากไม่ดูแลรักษาอย่างถูกวิธี

แสงจากหน้าจอโทรศัพท์มือถืออันตรายอย่างไร

  • แสงสีฟ้า: แสงที่ปล่อยออกมาจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือมีแสงสีฟ้าซึ่งเป็นอันตรายต่อดวงตา แสงสีฟ้าสามารถทะลุเข้าไปยังจอประสาทตาได้โดยตรง ทำให้เกิดความเสียหายแก่เซลล์จอประสาทตาและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมในระยะยาว
  • แสงจ้า: หากใช้มือถือในที่มืดหรือในที่ที่มีแสงน้อยเกินไป ความเปรียบต่างระหว่างแสงจากหน้าจอและแสงรอบข้างจะทำให้เกิดความเครียดต่อดวงตา ทำให้เกิดอาการปวดตา ตาพร่ามัว และอาจส่งผลต่อการมองเห็นในระยะยาว

วิธีเล่นมือถืออย่างไรไม่ให้เสียสายตา

  • ปรับแสงหน้าจอให้พอเหมาะกับสภาพแวดล้อม: ไม่ควรปรับแสงหน้าจอสว่างเกินไป โดยเฉพาะในเวลากลางคืน ควรปรับแสงให้สลัวเพื่อลดการกระตุ้นจากแสงสีฟ้า
  • หลีกเลี่ยงการใช้มือถือในที่มืดสนิท: การใช้มือถือในที่มืดจะทำให้เกิดความเปรียบต่างระหว่างแสงจากหน้าจอและแสงรอบข้างมากเกินไป ทำให้เกิดอาการปวดตาและตาพร่ามัว ควรเปิดไฟให้สว่างเพียงพอขณะใช้มือถือ
  • เลือกใช้ฟีเจอร์ลดแสงสีฟ้าของมือถือ: โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆ มักมีฟีเจอร์ลดแสงสีฟ้า ซึ่งจะช่วยกรองแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อดวงตา ควรเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ขณะใช้มือถือ
  • หมั่นทำแบบฝึกหัดคลายสายตา: เป็นระยะ ให้หยุดพักสายตาจากการจ้องหน้าจอโทรศัพท์มือถือ โดยมองไปยังวัตถุที่อยู่ไกลๆ เป็นเวลาอย่างน้อย 20 วินาทีทุกๆ 20 นาที หรือทำตามกฎ 20-20-20 คือ ทุกๆ 20 นาที ให้มองไปยังวัตถุที่อยู่ไกลออกไป 20 ฟุต เป็นเวลา 20 วินาที
  • กระพริบตาบ่อยๆ: การกระพริบตาจะช่วยหล่อลื่นดวงตาและลดอาการตาแห้ง ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากการจ้องหน้าจอโทรศัพท์มือเป็นเวลานาน

การเล่นมือถืออย่างถูกวิธีและดูแลรักษาสายตาเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันปัญหาสายตาในระยะยาว ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่างๆ ข้างต้น และหากมีอาการผิดปกติที่ดวงตา เช่น ปวดตา ตาพร่ามัว ควรรีบปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง