เวลานอนแล้วหายใจไม่ออกเกิดจากอะไร

4 การดู

อาการหายใจติดขัดขณะนอนหลับอาจเกิดจากภาวะไหลย้อนกรดที่รุนแรง ทำให้เกิดการระคายเคืองทางเดินหายใจส่วนบน หรืออาจเป็นอาการของโรคภูมิแพ้ที่กำเริบในเวลากลางคืน การนอนตะแคงและปรับระดับเตียงอาจช่วยบรรเทาอาการได้ ควรปรึกษาแพทย์หากอาการไม่ดีขึ้นหรือรุนแรงขึ้น เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เมื่อคืนหลับไปแล้วหายใจไม่ออก! เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายเรา?

หลายคนคงเคยประสบกับอาการหายใจติดขัดขณะนอนหลับ บางครั้งอาจหายใจไม่ออกจนตื่นขึ้นมาในช่วงกลางดึก แล้วอะไรคือสาเหตุของอาการนี้? อาการหายใจติดขัดขณะนอนหลับอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เรามาไขข้อสงสัยกัน

1. ไหลย้อนกรด (GERD)

ภาวะไหลย้อนกรดเป็นหนึ่งในสาเหตุของการหายใจติดขัดขณะนอนหลับ เมื่อกรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาทางหลอดอาหาร อาจทำให้เกิดการระคายเคืองทางเดินหายใจส่วนบน อาการนี้มักจะรุนแรงขึ้นในเวลากลางคืนเนื่องจากแรงโน้มถ่วงต่ำ ทำให้กรดไหลย้อนขึ้นมาได้ง่าย นอกจากหายใจติดขัดแล้ว ยังอาจมีอาการแสบร้อนกลางอก รู้สึกจุกแน่น หรือมีรสเปรี้ยวในปากหลังตื่นนอน

2. โรคภูมิแพ้

อาการภูมิแพ้ที่กำเริบในเวลากลางคืน เช่น ภูมิแพ้ฝุ่น ไรฝุ่น หรือสัตว์เลี้ยง อาจทำให้เกิดการอักเสบในเยื่อบุจมูก และทำให้หายใจติดขัด บางคนอาจมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล หรือไอ

3. โรคหอบหืด

ในบางกรณี อาการหายใจติดขัดขณะนอนหลับอาจเป็นสัญญาณของโรคหอบหืด โรคหอบหืดทำให้เกิดการอักเสบในทางเดินหายใจ ทำให้กล้ามเนื้อเรียบในทางเดินหายใจหดเกร็ง และทำให้หายใจลำบาก อาการหอบหืดมักจะรุนแรงขึ้นในเวลากลางคืน

4. โรคหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea)

โรคหยุดหายใจขณะหลับ เป็นโรคที่ร้ายแรง เกิดจากการหยุดหายใจชั่วคราวขณะหลับ ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก อาจทำให้เกิดอาการง่วงนอน ปวดหัว และความดันโลหิตสูง

วิธีบรรเทาอาการ

  • การนอนตะแคง: การนอนตะแคงด้านซ้ายอาจช่วยลดอาการไหลย้อนกรด
  • ปรับระดับเตียง: การยกหัวเตียงสูงขึ้นเล็กน้อย อาจช่วยป้องกันกรดไหลย้อนขึ้นมา
  • หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารมัน และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนนอน
  • ใช้ยาแก้แพ้
  • ทำความสะอาดบ้านให้สะอาด เพื่อลดไรฝุ่น

ควรปรึกษาแพทย์หาก…

  • อาการไม่ดีขึ้นหรือรุนแรงขึ้น
  • หายใจติดขัดบ่อย นาน และมีเสียงดัง
  • รู้สึกง่วงนอน ซึมเศร้า หรือมีอาการปวดหัว บ่อยๆ

การหายใจติดขัดขณะนอนหลับเป็นอาการที่ไม่ควรมองข้าม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยสาเหตุที่แท้จริง และรับการรักษาที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ