เวลาปวดอึทำไมถึงปวดท้อง

0 การดู

การปวดท้องเมื่อปวดอุจจาระเป็นเรื่องปกติ เกิดจากการบีบตัวของลำไส้ใหญ่เพื่อขับถ่าย แต่ถ้าปวดรุนแรงหรือมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ท้องผูกเรื้อรัง, ท้องเสีย, หรือมีเลือดปน อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ปวดท้องเมื่อปวดอึ: เรื่องปกติที่ไม่ควรมองข้าม

อาการปวดท้องเมื่อรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำเพื่อขับถ่าย เป็นประสบการณ์ที่หลายคนคุ้นเคย แต่เคยสงสัยไหมว่าทำไมถึงเกิดอาการเช่นนี้? แท้จริงแล้ว อาการปวดท้องที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลมาจากการทำงานของระบบย่อยอาหารที่ซับซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงานของลำไส้ใหญ่

เบื้องหลังอาการปวด: การบีบตัวของลำไส้ใหญ่

เมื่ออาหารเดินทางมาถึงลำไส้ใหญ่ ลำไส้ใหญ่จะทำหน้าที่ดูดซึมน้ำและเกลือแร่กลับเข้าสู่ร่างกาย และขับกากอาหารที่เหลือออกไปในรูปของอุจจาระ กระบวนการนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉยๆ แต่มาพร้อมกับการบีบตัวของกล้ามเนื้อลำไส้ (Peristalsis) ซึ่งเป็นการบีบตัวเป็นจังหวะเพื่อดันอุจจาระให้เคลื่อนที่ไปตามลำไส้ใหญ่

เมื่อมีปริมาณอุจจาระมากพอ ลำไส้ใหญ่จะส่งสัญญาณไปยังสมองเพื่อบอกว่าถึงเวลาต้องขับถ่ายแล้ว สัญญาณนี้เองที่กระตุ้นให้เกิดการบีบตัวของลำไส้ใหญ่ที่รุนแรงขึ้น เพื่อดันอุจจาระไปยังทวารหนัก และนี่คือสาเหตุหลักของอาการปวดท้องเมื่อปวดอึ การบีบตัวที่รุนแรงนี้อาจทำให้รู้สึกเหมือนมีอะไรมาบีบรัด หรือปวดหน่วงๆ บริเวณท้องน้อย

ปัจจัยที่ส่งผลต่อความรุนแรงของอาการปวด

ความรุนแรงของอาการปวดท้องเมื่อปวดอึนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น

  • ปริมาณอุจจาระ: ยิ่งมีอุจจาระมากเท่าไหร่ ลำไส้ใหญ่ก็ยิ่งต้องบีบตัวมากขึ้นเท่านั้น ทำให้รู้สึกปวดท้องมากขึ้นตามไปด้วย
  • ลักษณะของอุจจาระ: อุจจาระที่แข็งและแห้งจะเคลื่อนที่ได้ยากกว่า ทำให้ลำไส้ใหญ่ต้องออกแรงบีบตัวมากขึ้นเพื่อขับถ่ายออกมา
  • ความไวต่อความรู้สึกของแต่ละบุคคล: บางคนมีความไวต่อความรู้สึกเจ็บปวดมากกว่าคนอื่น ทำให้รู้สึกปวดท้องมากกว่าคนอื่น แม้ว่าจะมีปริมาณอุจจาระเท่ากัน
  • พฤติกรรมการขับถ่าย: การกลั้นอุจจาระเป็นเวลานานๆ จะทำให้ลำไส้ใหญ่ต้องทำงานหนักขึ้นในการบีบตัวเพื่อขับถ่ายอุจจาระออกมา

เมื่อไหร่ที่อาการปวดท้องควรเป็นเรื่องที่ต้องกังวล?

อาการปวดท้องเมื่อปวดอึโดยทั่วไปถือเป็นเรื่องปกติที่ไม่น่ากังวล แต่หากอาการปวดรุนแรงผิดปกติ หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น

  • ท้องผูกเรื้อรัง: ถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ และอุจจาระมีลักษณะแข็ง
  • ท้องเสีย: ถ่ายอุจจาระเหลวมากกว่า 3 ครั้งต่อวัน
  • มีเลือดปนในอุจจาระ: อาจมีเลือดสดๆ หรือเลือดสีคล้ำปนออกมา
  • ปวดท้องรุนแรงตลอดเวลา: ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการปวดอุจจาระ
  • น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ:
  • คลื่นไส้ อาเจียน:

อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงกว่า เช่น โรคลำไส้อักเสบ (Inflammatory Bowel Disease – IBD), โรคติดเชื้อในลำไส้, หรือแม้กระทั่งมะเร็งลำไส้ใหญ่

คำแนะนำ:

  • สังเกตอาการ: หากคุณมีอาการปวดท้องเมื่อปวดอึเป็นประจำ ลองสังเกตลักษณะของอุจจาระ ความถี่ในการขับถ่าย และอาการอื่นๆ ที่เกิดขึ้นร่วมด้วย
  • ปรับพฤติกรรมการกิน: รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ และธัญพืชเต็มเมล็ด ดื่มน้ำให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปและอาหารที่มีไขมันสูง
  • อย่ากลั้นอุจจาระ: เมื่อรู้สึกปวดอุจจาระ ควรรีบไปเข้าห้องน้ำทันที
  • ปรึกษาแพทย์: หากอาการปวดท้องรุนแรงผิดปกติ หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม

การใส่ใจสุขภาพระบบทางเดินอาหาร และสังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกาย จะช่วยให้คุณสามารถดูแลตัวเองได้อย่างเหมาะสม และป้องกันปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงได้