เวลา กลืน น้ําลาย แล้ว เหมือน มี อะไร ติด ที่ คอ

1 การดู

รู้สึกเหมือนมีอะไรติดคอ กลืนน้ำลายไม่สะดวก อาจเกิดจากกรดไหลย้อน, สิ่งแปลกปลอม, การระคายเคืองจากอาหาร, หรือทานอาหารมากเกินไป หากลิ้นไก่ห้อยร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจร่างกายและวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริง และรับการรักษาที่เหมาะสม

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เมื่อน้ำลายกลืนยาก: สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม

รู้สึกเหมือนมีอะไรติดคอ แม้กระทั่งการกลืนน้ำลายยังทำได้ลำบาก… อาการนี้แม้ดูไม่ร้ายแรง แต่กลับเป็นสัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม เพราะอาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพหลายอย่างที่ซ่อนอยู่ จากอาการเล็กๆ น้อยๆ ที่หลายคนอาจละเลย เราจะมาสำรวจสาเหตุที่เป็นไปได้และวิธีรับมืออย่างถูกต้อง

ความรู้สึก “มีอะไรติดคอ” ที่มากับการกลืนน้ำลายลำบากนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุ สาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่:

  • กรดไหลย้อน (Gastroesophageal reflux disease – GERD): กรดจากกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นมาในหลอดอาหาร ทำให้เกิดการระคายเคือง ทำให้รู้สึกแสบร้อน คัน หรือเหมือนมีอะไรติดคอ อาการนี้มักมากับอาการอื่นๆ เช่น แสบร้อนกลางอก จุกแน่น และเรอเปรี้ยว

  • สิ่งแปลกปลอมติดคอ: เศษอาหาร กระดูกเล็กๆ หรือสิ่งแปลกปลอมอื่นๆ ที่ติดอยู่ในหลอดอาหาร อาจทำให้เกิดความรู้สึกอึดอัด กลืนลำบาก และแน่นหน้าอก ในกรณีนี้ ควรพยายามสังเกตว่ามีสิ่งแปลกปลอมอะไรติดอยู่หรือไม่ หากไม่แน่ใจ ควรไปพบแพทย์ทันที

  • การระคายเคืองจากอาหาร: การรับประทานอาหารที่มีรสจัด เผ็ดร้อน หรืออาหารที่มีฤทธิ์กัดกร่อน อาจทำให้เยื่อบุหลอดอาหารระคายเคือง และทำให้รู้สึกเหมือนมีอะไรติดคอ การดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำผึ้งอาจช่วยบรรเทาอาการได้บ้าง

  • การทานอาหารมากเกินไป: การทานอาหารมากเกินไปในครั้งเดียว อาจทำให้รู้สึกอึดอัด แน่นท้อง และรู้สึกเหมือนมีอะไรติดคอ การทานอาหารทีละน้อยและบ่อยครั้ง อาจช่วยลดอาการนี้ได้

  • โรคกล่องเสียงอักเสบ (Laryngitis): การอักเสบของกล่องเสียงอาจทำให้เกิดอาการเจ็บคอ ไอ และรู้สึกเหมือนมีอะไรติดคอ มักเกิดจากการติดเชื้อไวรัส หรือการใช้เสียงมากเกินไป

กรณีที่ควรพบแพทย์:

หากอาการรู้สึกเหมือนมีอะไรติดคอ กลืนน้ำลายไม่สะดวก และมาพร้อมกับอาการอื่นๆ เช่น:

  • เจ็บคออย่างรุนแรง
  • มีไข้
  • หายใจลำบาก
  • น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว
  • มีเลือดปนในเสมหะ
  • ลิ้นไก่ห้อย (ซึ่งอาจบ่งบอกถึงปัญหาทางระบบประสาท)

ควรไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด แพทย์จะทำการตรวจร่างกาย และอาจทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น เอกซเรย์ หรือการส่องกล้อง เพื่อวินิจฉัยสาเหตุที่แท้จริงและให้การรักษาที่เหมาะสม การรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการ อาจรวมถึงการใช้ยา การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการรับประทานอาหาร หรือการผ่าตัดในบางกรณี

อย่าละเลยอาการเล็กๆ น้อยๆ การดูแลสุขภาพที่ดี เริ่มต้นด้วยการสังเกตและใส่ใจกับสัญญาณเตือนจากร่างกาย หากมีข้อสงสัย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่ถูกต้อง จะได้มีสุขภาพที่ดีและแข็งแรงต่อไป