แก๊สในลำไส้เกิดจากอะไร

10 การดู

ตัวอย่างข้อมูลแนะนำใหม่

การรับประทานอาหารเร็วเกินไป หรือบดเคี้ยวไม่ละเอียด อาจทำให้เกิดการสะสมของก๊าซในลำไส้ได้ การรับประทานอาหารจำพวก ถั่ว ผักกาดขาว หรืออาหารที่มีเส้นใยสูงมาก ก็อาจก่อให้เกิดอาการท้องอืดได้เช่นกัน ควรเคี้ยวอาหารให้ละเอียดและรับประทานอย่างช้าๆ เพื่อบรรเทาอาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

แก๊สในลำไส้: เจาะลึกต้นตอของลมในท้อง

ลมในท้องหรือแก๊สในลำไส้ เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน แม้จะสร้างความอับอายหรือไม่สบายตัวบ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่ใช่เรื่องอันตราย การผายลมหรือเรอเป็นวิธีที่ร่างกายกำจัดแก๊สส่วนเกิน แต่หากมีแก๊สมากเกินไป เกิดอาการท้องอืด ปวดท้อง หรือรู้สึกไม่สบายตัวบ่อยๆ ก็ควรหาสาเหตุและวิธีแก้ไข

แก๊สในลำไส้เกิดขึ้นได้จากสองสาเหตุหลักๆ คือ:

1. การกลืนอากาศ: เราทุกคนกลืนอากาศเข้าไปโดยไม่รู้ตัวขณะกินอาหาร ดื่มน้ำ เคี้ยวหมากฝรั่ง สูบบุหรี่ หรือแม้กระทั่งตอนพูดคุย ยิ่งเรากินหรือดื่มเร็วเท่าไหร่ ยิ่งกลืนอากาศเข้าไปมากเท่านั้น การรับประทานอาหารขณะเครียดหรือวิตกกังวลก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้กลืนอากาศมากขึ้น

ตัวอย่างพฤติกรรมที่ทำให้กลืนอากาศ:

  • ดื่มน้ำอัดลมหรือเครื่องดื่มที่มีฟอง
  • ใช้หลอดดูดเครื่องดื่ม
  • กินอาหารเร็วเกินไป
  • พูดคุยขณะรับประทานอาหาร
  • เคี้ยวหมากฝรั่งบ่อยๆ
  • สูบบุหรี่

2. การย่อยอาหาร: แบคทีเรียในลำไส้ใหญ่มีหน้าที่ย่อยสลายอาหารที่ร่างกายไม่สามารถย่อยได้ กระบวนการนี้จะสร้างแก๊สขึ้นมา อาหารบางชนิดย่อยยากกว่าชนิดอื่น จึงทำให้เกิดแก๊สมากกว่า ตัวอย่างเช่น:

  • อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน: เช่น ถั่ว ผักบางชนิด (กะหล่ำปลี บรอกโคลี กะหล่ำดอก) ผลไม้บางชนิด (แอปเปิ้ล ลูกแพร์) ธัญพืชไม่ขัดสี และผลิตภัณฑ์จากนม
  • น้ำตาลทดแทน: เช่น ซอร์บิทอล แมนนิทอล และไซลิทอล ซึ่งมักพบในอาหารสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ลูกอม และหมากฝรั่งปราศจากน้ำตาล
  • เส้นใยอาหาร: แม้ว่าเส้นใยอาหารจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่การรับประทานในปริมาณมากเกินไปอาจทำให้เกิดแก๊สได้ ควรเพิ่มปริมาณเส้นใยอาหารทีละน้อยเพื่อให้ร่างกายปรับตัว

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจทำให้เกิดแก๊สในลำไส้ได้ เช่น:

  • ภาวะไม่ทนต่อแลคโตส: ร่างกายไม่สามารถย่อยน้ำตาลแลคโตสในนมได้
  • โรคลำไส้แปรปรวน (IBS): อาการปวดท้อง ท้องอืด ท้องผูก หรือท้องเสีย ซึ่งมักสัมพันธ์กับแก๊สในลำไส้
  • โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารอื่นๆ: เช่น โรคโครห์น โรคเซลิแอค

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน เช่น เคี้ยวอาหารให้ละเอียด กินช้าๆ หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดแก๊ส และดื่มน้ำให้เพียงพอ สามารถช่วยลดแก๊สในลำไส้ได้ หากอาการยังไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม.