แขนบวมต้องทำอย่างไร

แขนบวมต้องทำอย่างไร?

อาการแขนบวม อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่เรื่องเล็กน้อยไปจนถึงปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง การดูแลเบื้องต้นและการสังเกตอาการจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อที่จะได้รักษาได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที

สาเหตุของอาการแขนบวม:

• การบาดเจ็บ: เช่น กระแทก ฟกช้ำ เคล็ดขัดยอก หรือกระดูกหัก มักมีอาการปวด บวม แดง ร้อน ร่วมด้วย
• การอักเสบ: เช่น เยื่อหุ้มข้ออักเสบ, โรคเกาต์, การติดเชื้อที่ผิวหนังหรือเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง มักมีอาการปวด บวม แดง ร้อน และอาจมีไข้ร่วมด้วย
• การคั่งน้ำ: อาจเกิดจากการรับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูง การตั้งครรภ์ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน หรือภาวะบางอย่างเช่น โรคไต โรคหัวใจ
• อาการแพ้: เช่น แพ้อาหาร ยา แมลงสัตว์กัดต่อย อาจมีอาการคัน ผื่น บวมอย่างรวดเร็ว และอาจมีอาการหายใจลำบากร่วมด้วย ควรไปพบแพทย์ทันที
• ลิ่มเลือด: เป็นภาวะที่อันตราย อาจทำให้แขนบวม ปวด มีอาการแดง ร้อนบริเวณที่เกิดลิ่มเลือด และอาจมีอาการหายใจลำบาก เจ็บหน้าอก ควรไปพบแพทย์ทันที
• ต่อมน้ำเหลืองบวม: อาจเกิดจากการติดเชื้อในบริเวณใกล้เคียง

การดูแลเบื้องต้นเมื่อแขนบวม:

• ประคบเย็น: ใช้ผ้าเย็นประคบในบริเวณที่บวม ประมาณ 15-20 นาที ทุกๆ 2-3 ชั่วโมง ช่วยลดอาการบวมและปวดได้
• ยกแขนสูง: ยกแขนให้สูงกว่าระดับหัวใจ ช่วยลดอาการบวมได้
• พักการใช้งาน: หลีกเลี่ยงการใช้งานแขนที่บวม เพื่อให้แขนได้พักและฟื้นตัว
• ยาแก้ปวด: เช่น พาราเซตามอล หรือไอบูโพรเฟน ช่วยลดอาการปวดและอักเสบได้ (ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา)
• ใส่ผ้าพันแผลแบบยืด: ช่วยลดอาการบวมและพยุงแขน
• สังเกตอาการ: หากอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการรุนแรงขึ้น เช่น บวมมากขึ้น ปวดมากขึ้น มีไข้ ควรไปพบแพทย์ทันที

เมื่อไรควรไปพบแพทย์?

• แขนบวมอย่างรวดเร็ว
• มีอาการปวดอย่างรุนแรง
• มีอาการชา หรือรู้สึกอ่อนแรงที่แขน
• แขนเปลี่ยนสี เป็นสีแดงเข้มหรือสีม่วง
• มีไข้
• หายใจลำบาก
• มีอาการเจ็บหน้าอก

ข้อควรระวัง: ข้อมูลในบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้ทั่วไปเท่านั้น ไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำทางการแพทย์ได้ หากมีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์

(ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับการดื่มน้ำอุ่นผสมน้ำมะนาวและเกลือเล็กน้อยสำหรับอาการเจ็บคอนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับหัวข้อแขนบวม จึงไม่ได้นำมารวมในบทความนี้)