แผลพุพอง เป็นน้ําใสๆ เกิดจากอะไร

5 การดู

แผลพุพองน้ำใสอาจเกิดจากการเสียดสีหรือความร้อน เช่น รองเท้ากัด หรือสัมผัสของเหลวร้อนจัด นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากการแพ้สัมผัสสารเคมีบางชนิด การดูแลเบื้องต้นคือรักษาความสะอาดและหลีกเลี่ยงการแกะเกา หากมีอาการปวดมากหรือติดเชื้อควรรีบพบแพทย์

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

พุพองใสๆ…สาเหตุและวิธีดูแลเบื้องต้นที่คุณควรรู้

แผลพุพองที่มีน้ำใสอยู่ภายในเป็นอาการที่พบได้บ่อย มักเกิดจากการระคายเคืองหรือบาดเจ็บของผิวหนัง แต่การระบุสาเหตุที่แน่ชัดนั้นสำคัญ เพราะจะช่วยในการรักษาและป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำ หลายคนอาจมองข้ามแผลเล็กๆ นี้ แต่หากไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง อาจนำไปสู่การติดเชื้อได้

สาเหตุที่พบบ่อยของแผลพุพองน้ำใส:

แม้ว่าการเสียดสีและความร้อนจะเป็นสาเหตุหลักที่หลายคนนึกถึง แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจก่อให้เกิดแผลพุพองน้ำใสได้ เช่น:

  • การเสียดสี: นี่คือสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด อาจเกิดจากการสวมรองเท้าที่คับเกินไป การถูไถของผิวหนังกับผิวหนัง หรือการสัมผัสกับวัสดุหยาบๆ เช่น เสื้อผ้าที่เนื้อผ้าหยาบ หรือการเล่นกีฬาที่ต้องใช้แรงเสียดสีสูง

  • ความร้อน: การสัมผัสกับของเหลวร้อน เช่น น้ำร้อน น้ำมันร้อน หรือการถูกไฟไหม้เล็กน้อย อาจทำให้เกิดแผลพุพองน้ำใสขนาดเล็กถึงปานกลาง

  • การแพ้สัมผัส: สารเคมีบางชนิด เช่น สารเคมีในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เครื่องสำอาง หรือโลหะบางชนิด อาจทำให้เกิดอาการแพ้ และแสดงอาการเป็นแผลพุพองน้ำใส โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย

  • การติดเชื้อไวรัส: บางครั้ง แผลพุพองน้ำใสอาจเป็นอาการหนึ่งของการติดเชื้อไวรัส เช่น ไวรัส herpes simplex ซึ่งอาจทำให้เกิดแผลพุพองที่ริมฝีปากหรือบริเวณอื่นๆ ของร่างกาย

  • โรคผิวหนังบางชนิด: โรคผิวหนังบางชนิด เช่น โรคสะเก็ดเงิน หรือโรคภูมิแพ้ผิวหนัง อาจมีอาการแสดงเป็นแผลพุพองน้ำใส ร่วมกับอาการอื่นๆ เช่น ผื่นแดง คัน หรือลอกเป็นขุย

วิธีดูแลเบื้องต้น:

สำหรับแผลพุพองน้ำใสขนาดเล็กที่เกิดจากการเสียดสีหรือความร้อนเล็กน้อย การดูแลเบื้องต้นที่สำคัญคือ:

  1. รักษาความสะอาด: ล้างบริเวณแผลด้วยน้ำสะอาดและสบู่อ่อนๆ เช็ดให้แห้งเบาๆ หลีกเลี่ยงการถูหรือขัดบริเวณแผล

  2. อย่าแกะหรือเกา: การแกะหรือเกาแผลอาจทำให้แผลลุกลาม ติดเชื้อ หรือทิ้งรอยแผลเป็นได้

  3. ปิดแผล (ถ้าจำเป็น): หากแผลอยู่ในตำแหน่งที่เสียดสีง่าย ควรปิดแผลด้วยผ้าปิดแผลที่สะอาด เพื่อป้องกันการติดเชื้อและลดการเสียดสี

  4. หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารระคายเคือง: หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารเคมี หรือสิ่งที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองซ้ำ

เมื่อใดควรพบแพทย์:

หากแผลพุพองน้ำใสมีอาการดังต่อไปนี้ ควรไปพบแพทย์ทันที:

  • มีอาการปวดมาก
  • มีขนาดใหญ่ขึ้น หรือมีจำนวนมากขึ้น
  • มีหนอง หรือมีเลือดออก
  • มีอาการบวมแดง หรือมีไข้
  • ไม่หายภายใน 1-2 สัปดาห์
  • เกิดจากการสัมผัสสารเคมีที่เป็นอันตราย

การดูแลแผลพุพองน้ำใสอย่างถูกต้อง จะช่วยป้องกันการติดเชื้อ และทำให้แผลหายเร็วขึ้น แต่หากมีข้อสงสัยหรืออาการรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง อย่าละเลยอาการเล็กๆ น้อยๆ เพราะอาจนำไปสู่ปัญหาใหญ่ในภายหลังได้

หมายเหตุ: บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเท่านั้น ไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ กรุณาปรึกษาแพทย์หากมีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของคุณ