โรคอะไรบ้างที่ทำให้ภูมิคุ้มกันบกพร่อง

2 การดู

ระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงช่วยป้องกันโรคภัย หากภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อต่างๆ เช่น ไข้หวัด ปอดบวม วัณโรค รวมถึงภาวะแทรกซ้อนจากเชื้อราหรือไวรัสที่รุนแรงขึ้น ดูแลสุขภาพให้แข็งแรงด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

โรคที่ทำให้ภูมิคุ้มกันบกพร่อง

ภูมิคุ้มกันเป็นกลไกการป้องกันตามธรรมชาติของร่างกายที่ต่อสู้กับการติดเชื้อและโรคต่างๆ เมื่อระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ อาจทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อการติดเชื้อต่างๆ ได้ง่าย รวมทั้งมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงจากการติดเชื้อเหล่านั้น

โรคต่างๆ ที่สามารถทำให้ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่องมีดังนี้:

1. โรคเอดส์ (AIDS)
โรคเอดส์เกิดจากไวรัสเอชไอวี (HIV) ซึ่งทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาวที่สำคัญของระบบภูมิคุ้มกันทำให้ร่างกายไม่สามารถต่อสู้กับการติดเชื้อได้

2. โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวบางชนิด
โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวบางชนิด เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันและมะเร็งต่อมน้ำเหลืองมักจะแทรกแซงการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวซึ่งเป็นส่วนสำคัญของระบบภูมิคุ้มกัน

3. โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องรุนแรงแต่กำเนิด (SCID)
SCID เป็นกลุ่มของโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมซึ่งส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานไม่เพียงพอหรือไม่ทำงานเลยตั้งแต่แรกเกิด

4. โรคลูปัส (Lupus)
โรคลูปัสเป็นโรคภูมิต้านตนเองที่ร่างกายสร้างแอนติบอดีโจมตีเนื้อเยื่อของตัวเอง ซึ่งรวมถึงเซลล์ของระบบภูมิคุ้มกัน

5. โรครูมาติซั่ม (Rheumatism)
โรครูมาติซั่มเป็นภาวะอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในกลุ่มเชื้อสเตรปโตคอคคัส ซึ่งสามารถทำให้เกิดความเสียหายต่อหัวใจและระบบภูมิคุ้มกัน

6. โรคพิษสุนัขบ้า (Rabies)
โรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคติดเชื้อทางสมองที่เกิดจากไวรัสที่แพร่กระจายผ่านการกัดหรือรอยข่วนจากสัตว์ที่ติดเชื้อ ไวรัสนี้สามารถทำลายเซลล์สมองและเซลล์ระบบภูมิคุ้มกัน

7. การใช้ยาบางชนิด
การใช้ยาบางชนิด เช่น ยากดภูมิคุ้มกันที่ใช้ในการรักษาโรคภูมิต้านตนเองและมะเร็ง อาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงได้

การรักษาโรคที่ทำให้ภูมิคุ้มกันบกพร่อง

การรักษาโรคที่ทำให้ภูมิคุ้มกันบกพร่องขึ้นอยู่กับสาเหตุของโรค ตัวอย่างเช่น:

  • สำหรับโรคเอดส์ การรักษาด้วยยาต้านไวรัสเอชไอวีสามารถช่วยยับยั้งการแพร่กระจายของไวรัสและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
  • สำหรับ SCID การรักษาอาจรวมถึงการปลูกถ่ายไขกระดูกหรือการบำบัดด้วยยีน
  • สำหรับโรคลูปัส การรักษาอาจรวมถึงยาต้านการอักเสบและยากดภูมิคุ้มกัน
  • สำหรับโรครูมาติซั่ม การรักษาอาจรวมถึงยาปฏิชีวนะและยาต้านการอักเสบ

หากคุณมีข้อกังวลเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันของคุณหรือกำลังมีอาการที่ผิดปกติ เช่น การติดเชื้อบ่อยหรือติดเชื้อรุนแรง โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม