โรคเกล็ดเลือดสูง อันตรายไหม

6 การดู

เกล็ดเลือดมีหน้าที่ช่วยหยุดเลือดออก โดยปกติจะอยู่ที่ 150,000-400,000 ตัวต่อไมโครลิตร หากเกล็ดเลือดต่ำกว่า 150,000 อาจมีอาการเลือดออกง่าย แต่ถ้าสูงกว่า 400,000 อาจเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือด ซึ่งอาจนำไปสู่โรคหลอดเลือดสมองหรือหัวใจวายได้

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

โรคเกล็ดเลือดสูง: อันตรายเงียบที่ไม่ควรมองข้าม

เกล็ดเลือดเป็นส่วนประกอบสำคัญในกระบวนการแข็งตัวของเลือด ทำหน้าที่อุดรูรั่วเล็กๆ ในผนังหลอดเลือดเพื่อหยุดเลือดไหล ระดับเกล็ดเลือดในเลือดปกติจะอยู่ระหว่าง 150,000-400,000 ตัวต่อไมโครลิตร หากระดับเกล็ดเลือดต่ำกว่าปกติ เรียกว่า “เกล็ดเลือดต่ำ” ซึ่งจะทำให้เลือดออกง่าย แต่หากระดับเกล็ดเลือดสูงเกินกว่า 400,000 ตัวต่อไมโครลิตร นั่นคือสัญญาณเตือนของ “โรคเกล็ดเลือดสูง” ซึ่งแม้จะดูเงียบเชียบ แต่กลับแฝงอันตรายร้ายแรงที่ไม่ควรมองข้าม

หลายคนอาจเข้าใจผิดว่า เกล็ดเลือดสูงนั้นไม่น่าเป็นห่วง เพราะเกล็ดเลือดมีหน้าที่หยุดเลือด แต่ความจริงแล้ว เกล็ดเลือดที่สูงเกินไปนั้น ไม่ใช่เรื่องดี เพราะจะทำให้เลือดมีความหนืดมากขึ้น เสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดได้ง่าย และนี่เองคือสาเหตุหลักของอันตรายที่ตามมา

อันตรายจากโรคเกล็ดเลือดสูง:

การเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด เป็นภัยคุกคามร้ายแรงที่อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น:

  • โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke): ลิ่มเลือดไปอุดตันหลอดเลือดสมอง ทำให้เนื้อสมองขาดเลือด ส่งผลให้เกิดอัมพาต พูดลำบาก หรือเสียชีวิต
  • หัวใจวาย (Heart attack): ลิ่มเลือดไปอุดตันหลอดเลือดหัวใจ ทำให้หัวใจขาดเลือด กล้ามเนื้อหัวใจตาย และอาจเสียชีวิตได้
  • ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในปอด (Pulmonary embolism): ลิ่มเลือดไปอุดตันหลอดเลือดในปอด ทำให้หายใจลำบาก และอาจเสียชีวิตได้
  • ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำลึก (Deep vein thrombosis): มักเกิดที่ขา ทำให้ขาบวม ปวด และอาจมีภาวะลิ่มเลือดอุดตันในปอดตามมาได้

สาเหตุของโรคเกล็ดเลือดสูง:

สาเหตุของโรคเกล็ดเลือดสูงนั้นมีความหลากหลาย อาจเกิดจาก:

  • ภาวะโลหิตจางชนิดต่างๆ: ร่างกายพยายามชดเชยการขาดเซลล์เม็ดเลือดแดงด้วยการเพิ่มจำนวนเกล็ดเลือด
  • โรคมะเร็ง: โดยเฉพาะมะเร็งในระบบโลหิต
  • โรคตับและไตบางชนิด: การทำงานของอวัยวะเหล่านี้ผิดปกติอาจส่งผลต่อการควบคุมระดับเกล็ดเลือด
  • การใช้ยาบางชนิด: เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
  • พันธุกรรม: บางคนอาจมีกรรมพันธุ์ที่ทำให้มีเกล็ดเลือดสูง

การวินิจฉัยและรักษา:

การตรวจเลือดเพื่อวัดระดับเกล็ดเลือดเป็นวิธีการวินิจฉัยโรคเกล็ดเลือดสูง หากพบว่าระดับเกล็ดเลือดสูง แพทย์จะทำการตรวจเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุ และวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งอาจรวมถึงการใช้ยา การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต หรือการรักษาโรคต้นเหตุ การรักษาที่รวดเร็วและเหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้

โรคเกล็ดเลือดสูงเป็นโรคที่อันตราย แม้จะไม่มีอาการแสดงอย่างชัดเจน การตรวจสุขภาพประจำปี และการปรึกษาแพทย์เมื่อพบความผิดปกติ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที และป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้

หมายเหตุ: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับโรคเกล็ดเลือดสูง ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ หากมีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเสมอ