ไขสันหลังอักเสบ มีอาการ อย่างไร
อาการไขสันหลังอักเสบอาจเริ่มจากปวดหลังเรื้อรังลามลงขาข้างใดข้างหนึ่ง มีอาการชาหรือเสียวซ่าร่วมด้วย บางรายอาจมีกล้ามเนื้ออ่อนแรง อาการเหล่านี้จะแย่ลงเมื่อเคลื่อนไหวหรือยืนนานๆ และอาจมีอาการอื่นๆ เช่น ปัสสาวะลำบาก หรือท้องผูก ซึ่งควรพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง
ไขสันหลังอักเสบ: เมื่อความเจ็บปวดสะท้อนถึงความเสื่อมโทรมของเส้นประสาท
ไขสันหลังอักเสบ (Spinal Stenosis) คือภาวะที่ช่องว่างภายในกระดูกสันหลังแคบลง บีบรัดเส้นประสาทไขสันหลังและรากประสาท ส่งผลให้เกิดอาการปวดและความผิดปกติต่างๆ แม้ว่าจะไม่ใช่โรคที่พบได้บ่อยในคนหนุ่มสาว แต่ก็เป็นสาเหตุสำคัญของอาการปวดหลังเรื้อรังในผู้สูงอายุ และอาการที่เกิดขึ้นนั้นมีความแตกต่างกันไปตามตำแหน่งและระดับความรุนแรงของการบีบรัดประสาท
อาการของไขสันหลังอักเสบนั้นไม่ตายตัว ความรุนแรงของอาการก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ตำแหน่งที่เกิดการบีบรัด ขนาดของการบีบรัด และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย อย่างไรก็ตาม อาการทั่วไปที่พบได้บ่อย ได้แก่:
-
ปวดหลังเรื้อรัง: นี่คืออาการเด่นชัดที่สุด ความเจ็บปวดอาจเริ่มต้นค่อยเป็นค่อยไป หรือเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน ปวดเป็นๆ หายๆ หรือปวดอย่างต่อเนื่อง อาจมีอาการปวดร้าวลงสะโพก ต้นขา หรือขา ด้านใดด้านหนึ่งหรือทั้งสองข้าง
-
ปวดร้าวลงขา (Sciatica): ความเจ็บปวดมักจะร้าวลงไปตามเส้นประสาทไขสันหลัง ไปยังสะโพก ต้นขา น่อง และเท้า ความเจ็บปวดนี้อาจเป็นแบบแสบร้อน เหมือนไฟช็อต หรือเป็นอาการปวดตุ๊บๆ หรือตึงๆ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เส้นประสาทถูกบีบรัด
-
อาการชาหรือเสียวซ่า (Numbness and Tingling): บริเวณที่ได้รับผลกระทบจากการบีบรัดประสาทอาจมีอาการชา รู้สึกเหมือนเข็มทิ่มแทง หรือเสียวซ่า อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือเป็นช่วงๆ
-
กล้ามเนื้ออ่อนแรง (Muscle Weakness): การบีบรัดประสาทอาจทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง โดยเฉพาะกล้ามเนื้อขา ส่งผลให้เดินลำบาก ทรงตัวไม่ดี หรือล้มง่าย
-
อาการทางเดินปัสสาวะและลำไส้: ในกรณีที่รุนแรง การบีบรัดประสาทไขสันหลังอย่างรุนแรงอาจส่งผลต่อการควบคุมการทำงานของกระเพาะปัสสาวะและลำไส้ ทำให้ปัสสาวะลำบาก กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือท้องผูก
-
อาการแย่ลงเมื่อเคลื่อนไหวหรือยืนนานๆ: อาการปวดและความผิดปกติต่างๆ มักจะแย่ลงเมื่อเคลื่อนไหวร่างกาย ยืนนานๆ หรือเดินไกลๆ และดีขึ้นเมื่อนั่งหรือพักผ่อน ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะที่ช่วยในการวินิจฉัย
สิ่งสำคัญ: อาการเหล่านี้อาจคล้ายกับโรคอื่นๆ การวินิจฉัยไขสันหลังอักเสบต้องอาศัยการตรวจร่างกายอย่างละเอียด ประวัติอาการ และการตรวจเพิ่มเติม เช่น การเอกซเรย์ MRI หรือ CT scan เพื่อยืนยันการวินิจฉัย หากมีอาการสงสัย ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม การวินิจฉัยที่ถูกต้องและการรักษาที่ทันท่วงทีจะช่วยบรรเทาอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้
หมายเหตุ: บทความนี้มีไว้เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเท่านั้น ไม่ควรใช้ในการวินิจฉัยหรือรักษาโรค ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของตนเองเสมอ
#รายละเอียด#อาการ#ไขสันหลังอักเสบข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต