ไข้ขึ้นเท่าไหร่ถึงควรไปหาหมอ

2 การดู

ไข้สูงติดต่อกันเกิน 2 วัน ควรพบแพทย์ โดยเฉพาะหากมีอาการเพิ่มเติม เช่น ไอแห้งอย่างรุนแรง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง หรือหายใจลำบาก การสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดและปรึกษาแพทย์ทันทีมีความสำคัญต่อการรักษาที่เหมาะสมและป้องกันภาวะแทรกซ้อน

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เมื่อไหร่ที่ “ไข้” บอกว่าถึงเวลาต้องไปหาหมอ? คู่มือฉบับเข้าใจง่าย พร้อมสัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม

“ไข้” เป็นอาการที่ร่างกายตอบสนองต่อการติดเชื้อหรือการอักเสบต่างๆ เป็นกลไกธรรมชาติที่ช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อโรค แต่ในบางครั้ง “ไข้” ก็เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงกว่านั้น แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าไข้แค่ไหนถึงควรไปพบแพทย์? บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเรื่องไข้ พร้อมสัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที

ไข้ คืออะไรกันแน่?

โดยทั่วไปแล้ว อุณหภูมิร่างกายปกติของคนเราจะอยู่ที่ประมาณ 36.5 – 37.5 องศาเซลเซียส แต่ก็อาจแตกต่างกันเล็กน้อยในแต่ละคนและในแต่ละช่วงเวลาของวัน การวัดไข้สามารถทำได้หลายวิธี เช่น ทางปาก ทางรักแร้ ทางทวารหนัก หรือทางหู และค่าที่ได้ก็จะแตกต่างกันเล็กน้อย

ไข้สูงแค่ไหนที่ควรเริ่มกังวล?

  • ไข้สูง (38 องศาเซลเซียส หรือ 100.4 องศาฟาเรนไฮต์ขึ้นไป): หากวัดอุณหภูมิแล้วพบว่ามีไข้สูง ควรสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด และพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากๆ
  • ไข้สูงติดต่อกัน: นี่คือจุดสำคัญ หากมีไข้สูงติดต่อกันเกิน 2 วัน แม้ว่าจะทานยาลดไข้แล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์
  • ไข้สูงมาก (40 องศาเซลเซียส หรือ 104 องศาฟาเรนไฮต์ขึ้นไป): ถือเป็นภาวะที่ต้องรีบพบแพทย์ทันที โดยเฉพาะในเด็กเล็ก

สัญญาณเตือนที่ต้องไปพบแพทย์ทันที แม้ไข้จะไม่สูงมาก:

แม้ว่าอุณหภูมิจะไม่สูงมาก แต่หากมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วย ควรรีบไปพบแพทย์ทันที:

  • อาการทางระบบทางเดินหายใจ: ไอแห้งอย่างรุนแรง หายใจเร็ว หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก
  • อาการทางระบบประสาท: ชัก สับสน ซึมลง ปวดศีรษะรุนแรง คอแข็ง
  • อาการทางระบบทางเดินอาหาร: อาเจียนรุนแรง ท้องเสียรุนแรง ปวดท้องมาก
  • อาการอื่นๆ: ผื่นขึ้นตามตัว ปวดเมื่อยกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง อ่อนเพลียมากจนลุกไม่ขึ้น

ทำไมต้องรีบไปพบแพทย์?

การมีไข้สูงติดต่อกัน หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย อาจบ่งบอกถึงโรคที่ร้ายแรงกว่าไข้หวัดทั่วไป เช่น:

  • การติดเชื้อแบคทีเรีย: เช่น ปอดบวม ไตติดเชื้อ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
  • การติดเชื้อไวรัส: เช่น ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก โควิด-19
  • โรคอื่นๆ: เช่น โรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง (Autoimmune diseases)

คำแนะนำเพิ่มเติม:

  • เด็กเล็กและผู้สูงอายุ: ควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะร่างกายอาจตอบสนองต่อการติดเชื้อได้ไม่ดีเท่าคนหนุ่มสาว
  • หญิงตั้งครรภ์: ควรปรึกษาแพทย์ทันทีหากมีไข้สูง
  • อย่าซื้อยาทานเอง: ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาใดๆ

สรุป:

การสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด และปรึกษาแพทย์ทันทีเมื่อมีข้อสงสัย เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการดูแลสุขภาพของตนเองและคนที่คุณรัก อย่าปล่อยให้ไข้สูงเกินไป หรือมองข้ามสัญญาณเตือนต่างๆ เพราะการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง และทำให้คุณกลับมามีสุขภาพแข็งแรงได้เร็วขึ้น

Disclaimer: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำทางการแพทย์จากผู้เชี่ยวชาญได้ หากมีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร