ไข้เลือดออกแอดมิดกี่วัน

0 การดู

ไข้เลือดออกติดต่อได้ผ่านการถูกยุงลายกัด ยุงลายจะดูดเลือดจากผู้ป่วยแล้วไปกัดคนอื่นต่อ ระยะฟักตัวของโรคคือ 4-10 วัน อาการเริ่มแรกคล้ายไข้หวัดใหญ่ หากมีไข้สูง ปวดศีรษะอย่างรุนแรง ปวดกล้ามเนื้อ และมีจุดเลือดออกตามผิวหนัง ควรไปพบแพทย์ทันทีเพื่อรับการรักษา การป้องกันที่ดีที่สุดคือกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ไข้เลือดออก: แอดมิทกี่วัน? ไข้สูงอันตรายแค่ไหน? รู้ไว้ป้องกันและรับมือ

ไข้เลือดออก โรคที่มียุงลายเป็นพาหะนำโรค เป็นภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพของคนไทยมาอย่างยาวนาน หลายคนอาจเคยได้ยินถึงอันตรายของโรคนี้ แต่ยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงระยะเวลาในการรักษาตัวที่โรงพยาบาล หรือสัญญาณอันตรายที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ บทความนี้จะช่วยไขข้อสงสัยเหล่านี้ เพื่อให้คุณสามารถป้องกันตัวเองและคนรอบข้างจากโรคไข้เลือดออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ไข้เลือดออก…ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ถ้าเข้าใจและรับมืออย่างถูกวิธี

ตามที่ทราบกันดีว่า ไข้เลือดออกติดต่อผ่านการถูกยุงลายกัด ยุงลายตัวเมียจะดูดเลือดจากผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสเดงกี แล้วไปกัดคนอื่นต่อ ทำให้เกิดการแพร่กระจายของโรค ซึ่งระยะฟักตัวของโรคอยู่ที่ประมาณ 4-10 วัน หลังจากนั้นอาการป่วยก็จะเริ่มแสดงออกมา

อาการที่ต้องสังเกต:

  • ไข้สูง: มักจะสูงเกิน 38.5 องศาเซลเซียส และสูงต่อเนื่องหลายวัน
  • ปวดศีรษะอย่างรุนแรง: โดยเฉพาะบริเวณหน้าผากและกระบอกตา
  • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและข้อ: อาการปวดอาจรุนแรงจนเคลื่อนไหวลำบาก
  • จุดเลือดออกตามผิวหนัง: มักจะปรากฏตามแขน ขา และลำตัว อาจมีเลือดกำเดาไหล หรือเลือดออกตามไรฟัน
  • คลื่นไส้ อาเจียน: อาจทำให้ร่างกายขาดน้ำและอ่อนเพลีย

หากพบว่ามีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาโดยเร็ว

ไข้เลือดออก…แอดมิทกี่วันถึงจะหายดี?

ระยะเวลาในการนอนโรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วยไข้เลือดออกนั้น ไม่แน่นอน และขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ได้แก่:

  • ความรุนแรงของโรค: ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง มีภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะช็อก หรือมีเลือดออกมาก อาจต้องนอนโรงพยาบาลนานกว่าผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง
  • สุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย: ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ หรือผู้สูงอายุ อาจต้องใช้เวลารักษานานกว่า
  • การตอบสนองต่อการรักษา: ผู้ป่วยแต่ละรายตอบสนองต่อการรักษาแตกต่างกัน บางรายอาจฟื้นตัวเร็ว บางรายอาจต้องใช้เวลานานกว่า
  • การดูแลของแพทย์: การดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์และพยาบาลมีผลต่อการฟื้นตัวของผู้ป่วย

โดยทั่วไปแล้ว ผู้ป่วยไข้เลือดออกที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง มักจะนอนโรงพยาบาลประมาณ 3-7 วัน เพื่อติดตามอาการ ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ และเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน อย่างไรก็ตาม แพทย์จะเป็นผู้ประเมินและตัดสินใจว่าจะให้ผู้ป่วยกลับบ้านได้เมื่อไหร่

ไข้สูงแค่ไหน…ถึงต้องกังวลเป็นพิเศษ?

ไข้สูงเป็นอาการที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยไข้เลือดออก แต่ไม่ใช่ว่าไข้สูงทุกครั้งจะต้องน่ากังวลเป็นพิเศษ สิ่งที่สำคัญกว่าอุณหภูมิ คืออาการอื่นๆ ที่เกิดขึ้นร่วมด้วย หากมีไข้สูงร่วมกับอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที:

  • ไข้สูงต่อเนื่องหลายวัน: ไข้ไม่ลดลงแม้จะทานยาลดไข้แล้ว
  • อาการปวดรุนแรง: ปวดศีรษะ ปวดท้อง หรือปวดเมื่อยกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง
  • มีเลือดออก: มีจุดเลือดออกตามผิวหนัง เลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน หรือถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ
  • คลื่นไส้ อาเจียนอย่างรุนแรง: ทำให้ร่างกายขาดน้ำและอ่อนเพลีย
  • ปวดท้อง: โดยเฉพาะบริเวณใต้ชายโครงขวา
  • ซึมลง: ไม่ค่อยรู้สึกตัว หรือตอบสนองช้า
  • กระสับกระส่าย: หายใจเร็ว หรือหายใจลำบาก

อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าโรคอาจมีความรุนแรง และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้

การป้องกัน…ดีกว่าการรักษาเสมอ

ถึงแม้ว่าไข้เลือดออกจะเป็นโรคที่สามารถรักษาได้ แต่การป้องกันเป็นวิธีที่ดีที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงการเจ็บป่วยและภาวะแทรกซ้อน การป้องกันไข้เลือดออกสามารถทำได้โดย:

  • กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย: คว่ำภาชนะที่มีน้ำขัง ปิดฝาโอ่งน้ำ เปลี่ยนน้ำในแจกันดอกไม้เป็นประจำ และใส่ทรายอะเบทในภาชนะที่มีน้ำขังที่ไม่สามารถคว่ำได้
  • ป้องกันตัวเองจากการถูกยุงกัด: ทายากันยุง สวมเสื้อผ้าแขนยาวขายาว และนอนในมุ้ง
  • ฉีดวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก: ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการป่วยได้

สรุป:

ไข้เลือดออกเป็นโรคที่สามารถป้องกันและรักษาได้ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาการ ระยะเวลาในการรักษา และสัญญาณอันตราย จะช่วยให้คุณสามารถรับมือกับโรคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การป้องกันตัวเองจากการถูกยุงกัดและกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย คือวิธีที่ดีที่สุดในการลดความเสี่ยงในการป่วยเป็นไข้เลือดออก หากมีอาการที่น่าสงสัย ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาโดยเร็ว