Bpd กับ Bipolar ต่างกันอย่างไร

0 การดู

โรคบุคลิกภาพหลากหลาย (Borderline Personality Disorder หรือ BPD) แตกต่างจากโรคไบโพลาร์อย่างชัดเจน BPD เน้นความไม่มั่นคงทางความสัมพันธ์ อัตลักษณ์ และอารมณ์อย่างรุนแรง ขณะที่โรคไบโพลาร์มีลักษณะเด่นคือภาวะอารมณ์สุดขั้ว คือช่วงคลั่งไคล้และซึมเศร้าสลับกันอย่างเป็นวงจร การรักษาจึงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

BPD กับ Bipolar: ความต่างที่ต้องทำความเข้าใจ เพื่อการรักษาที่ตรงจุด

หลายครั้งที่เราได้ยินคำว่า “BPD” หรือ “Borderline Personality Disorder” และ “Bipolar Disorder” ผ่านหู แต่รู้หรือไม่ว่าแม้ชื่อจะคล้ายกัน โรคทั้งสองนี้มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และต้องการการรักษาที่แตกต่างกันด้วย บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจถึงความแตกต่างที่สำคัญของ BPD และ Bipolar เพื่อให้คุณมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง และสามารถแยกแยะอาการเบื้องต้นได้

BPD: ความไม่มั่นคงที่เป็นหัวใจสำคัญ

โรคบุคลิกภาพแบบก้ำกึ่ง (Borderline Personality Disorder หรือ BPD) เป็นความผิดปกติทางบุคลิกภาพที่ส่งผลต่อการรับรู้ ความรู้สึก และพฤติกรรมของผู้ป่วย หัวใจสำคัญของ BPD คือ ความไม่มั่นคง ในหลายด้าน ได้แก่:

  • ความสัมพันธ์: ผู้ป่วย BPD มักมีความกลัวที่จะถูกทอดทิ้งอย่างรุนแรง ทำให้ความสัมพันธ์กับผู้อื่นมีความผันผวน ขึ้นๆ ลงๆ มีความคาดหวังสูง และมักจะจบลงด้วยความขัดแย้ง
  • อัตลักษณ์: ผู้ป่วย BPD มักไม่มีความชัดเจนในตัวเอง ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร ต้องการอะไร หรือมีเป้าหมายในชีวิตอย่างไร ทำให้รู้สึกสับสนและขาดความมั่นใจ
  • อารมณ์: ผู้ป่วย BPD มีอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วและรุนแรง เช่น โกรธง่าย เศร้า เสียใจ หรือวิตกกังวล โดยที่อารมณ์เหล่านี้อาจเกิดขึ้นจากสิ่งกระตุ้นเพียงเล็กน้อย

นอกจากนี้ ผู้ป่วย BPD อาจมีพฤติกรรมทำร้ายตัวเอง มีความคิดฆ่าตัวตาย และมีความรู้สึกว่างเปล่าอย่างต่อเนื่อง

Bipolar: วงจรของอารมณ์สุดขั้ว

โรคไบโพลาร์ (Bipolar Disorder) หรือโรคอารมณ์สองขั้ว เป็นโรคทางอารมณ์ที่ผู้ป่วยจะมีช่วงอารมณ์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนสองขั้ว คือ:

  • ช่วงคลั่ง (Manic Episode): ในช่วงนี้ผู้ป่วยจะมีอารมณ์ดีเกินเหตุ กระตือรือร้นมากเกินไป มีพลังงานล้นเหลือ นอนน้อย คิดเร็ว พูดเร็ว ทำอะไรหลายอย่างพร้อมกัน และอาจมีพฤติกรรมเสี่ยง
  • ช่วงซึมเศร้า (Depressive Episode): ในช่วงนี้ผู้ป่วยจะมีอารมณ์เศร้า หดหู่ สิ้นหวัง เบื่อหน่าย หมดความสนใจในสิ่งต่างๆ ที่เคยชอบ นอนไม่หลับหรือนอนมากเกินไป กินได้น้อยหรือกินมากเกินไป ไม่มีสมาธิ และอาจมีความคิดฆ่าตัวตาย

สิ่งสำคัญคือ โรคไบโพลาร์มีลักษณะเป็น วงจร ผู้ป่วยจะสลับไปมาระหว่างช่วงคลั่งและช่วงซึมเศร้า ซึ่งระยะเวลาและความถี่ของแต่ละช่วงอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

ความแตกต่างที่สำคัญ: ตารางเปรียบเทียบ

เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ลองพิจารณาตารางเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง BPD และ Bipolar:

ลักษณะ Borderline Personality Disorder (BPD) Bipolar Disorder
ปัญหาหลัก ความไม่มั่นคงในความสัมพันธ์ อัตลักษณ์ และอารมณ์ ภาวะอารมณ์สุดขั้ว (คลั่งและซึมเศร้า) สลับกันเป็นวงจร
อารมณ์ เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว รุนแรง มักเกิดขึ้นจากสิ่งกระตุ้นเล็กน้อย เปลี่ยนแปลงเป็นช่วงๆ ตามวงจรคลั่งและซึมเศร้า
ความสัมพันธ์ กลัวการถูกทอดทิ้ง ความสัมพันธ์ผันผวน อาจได้รับผลกระทบจากช่วงอารมณ์คลั่งหรือซึมเศร้า
อัตลักษณ์ ไม่ชัดเจน สับสนในตัวเอง โดยทั่วไปไม่กระทบกับอัตลักษณ์
พฤติกรรม ทำร้ายตัวเอง ความคิดฆ่าตัวตาย พฤติกรรมเสี่ยงในช่วงคลั่ง ความคิดฆ่าตัวตายในช่วงซึมเศร้า
การรักษาหลัก จิตบำบัด (เช่น Dialectical Behavior Therapy – DBT) ยาปรับอารมณ์ ร่วมกับจิตบำบัด

การวินิจฉัยและการรักษา: สิ่งที่ต้องตระหนัก

สิ่งสำคัญที่ต้องเน้นย้ำคือ การวินิจฉัย BPD หรือ Bipolar ต้องกระทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เนื่องจากอาการของทั้งสองโรคอาจมีความคล้ายคลึงกันในบางครั้ง และการวินิจฉัยที่ผิดพลาดอาจนำไปสู่การรักษาที่ไม่เหมาะสม

  • BPD: การรักษาหลักคือจิตบำบัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Dialectical Behavior Therapy (DBT) ซึ่งเป็นรูปแบบการบำบัดที่มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะในการจัดการอารมณ์ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และการลดพฤติกรรมทำร้ายตัวเอง อาจมีการใช้ยาเพื่อช่วยบรรเทาอาการบางอย่าง เช่น ยาต้านเศร้า หรือยาคลายกังวล
  • Bipolar: การรักษาหลักคือการใช้ยาปรับอารมณ์ (Mood Stabilizers) เพื่อควบคุมวงจรของอารมณ์ ร่วมกับการทำจิตบำบัดเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยเข้าใจและจัดการกับโรคได้ดีขึ้น

สรุป

BPD และ Bipolar เป็นโรคทางจิตเวชที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน แม้ว่าอาการบางอย่างอาจมีความคล้ายคลึงกัน แต่ความเข้าใจถึงความแตกต่างที่สำคัญของทั้งสองโรค จะช่วยให้เราสามารถแยกแยะอาการเบื้องต้น และนำไปสู่การวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

หากคุณสงสัยว่าตัวเองหรือคนใกล้ชิดอาจมีอาการของ BPD หรือ Bipolar สิ่งสำคัญที่สุดคือการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือ เพราะการดูแลสุขภาพจิตใจก็มีความสำคัญไม่แพ้สุขภาพกาย