Rh คือโรคอะไร

2 การดู

ภาวะเลือด Rh ไม่เข้ากันในทารกแรกเกิด อาจแสดงอาการซีดเหลือง ตัวเหลือง บวมน้ำ หรือมีอาการดีซ่านรุนแรง หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจส่งผลกระทบต่อระบบประสาทและอวัยวะต่างๆ การตรวจคัดกรองตั้งครรภ์จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนดังกล่าว

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

Rh ไม่ใช่โรค แต่เป็นระบบหมู่เลือดที่อาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้

บทความนี้จะอธิบายระบบ Rh และความสำคัญของการตรวจคัดกรองในหญิงตั้งครรภ์ เพื่อทำความเข้าใจว่าทำไม Rh จึงเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องให้ความสนใจ และคลายความเข้าใจผิดที่ว่า Rh คือโรค

Rh ไม่ใช่โรค แต่เป็นระบบหมู่เลือดอีกระบบหนึ่ง นอกเหนือจากระบบ ABO ที่คุ้นเคยกันดี (A, B, AB, O) ระบบ Rh แบ่งออกเป็นสองกลุ่มหลักคือ Rh positive (Rh+) และ Rh negative (Rh-) บุคคลที่มีโปรตีน Rh บนผิวเซลล์เม็ดเลือดแดงจะถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Rh+ ส่วนผู้ที่ไม่มีโปรตีนดังกล่าวจะอยู่ในกลุ่ม Rh-

ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อแม่มีเลือด Rh- และลูกในครรภ์มีเลือด Rh+ ในระหว่างการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างการคลอด เซลล์เม็ดเลือดแดงของทารกอาจเข้าสู่กระแสเลือดของมารดา ทำให้ร่างกายของมารดาสร้างแอนติบอดีต่อโปรตีน Rh ซึ่งแอนติบอดีเหล่านี้สามารถข้ามรกไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดงของทารกในครรภ์ได้ ภาวะนี้เรียกว่า ภาวะเลือด Rh ไม่เข้ากัน (Rh incompatibility) หรือบางครั้งเรียกสั้นๆว่า โรคเฮโมไลติกของทารกแรกเกิด (Hemolytic disease of the newborn)

ภาวะเลือด Rh ไม่เข้ากันไม่ได้แสดงอาการในทุกกรณี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างการตั้งครรภ์ครั้งแรก เนื่องจากการสร้างแอนติบอดีต่อโปรตีน Rh ต้องใช้เวลา อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นในระหว่างการตั้งครรภ์ครั้งต่อๆไป เพราะร่างกายของมารดามีแอนติบอดี Rh สะสมอยู่แล้ว

อาการของภาวะเลือด Rh ไม่เข้ากันในทารกแรกเกิดนั้นมีความรุนแรงแตกต่างกันไป ตั้งแต่ไม่มีอาการใดๆ จนถึงอาการรุนแรง เช่น ซีดเหลือง (Jaundice) ตัวเหลือง (Icterus) บวมน้ำ (Edema) หรือดีซ่านรุนแรง (Severe jaundice) หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจส่งผลกระทบต่อระบบประสาท สมอง และอวัยวะอื่นๆ แม้กระทั่งถึงแก่ชีวิตได้

ดังนั้น การตรวจคัดกรองเลือด Rh ของหญิงตั้งครรภ์จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อประเมินความเสี่ยงและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม หากพบว่ามารดาเป็น Rh- และทารกเป็น Rh+ แพทย์จะให้การฉีดยา Rho(D) immunoglobulin เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายของมารดาสร้างแอนติบอดีต่อโปรตีน Rh ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนในทารกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สรุปแล้ว Rh ไม่ใช่โรค แต่เป็นระบบหมู่เลือดที่อาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม การตรวจคัดกรองและการป้องกันที่ถูกต้องจะช่วยให้มารดาและทารกมีสุขภาพที่ดี และการคลอดบุตรเป็นไปอย่างราบรื่น จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการดูแลอย่างต่อเนื่องตลอดการตั้งครรภ์