กินอะไรหายแสบท้อง

0 การดู

เมื่อท้องอืด แน่น ควรรับประทานอาหารอ่อนๆ ย่อยง่าย เช่น กล้วยน้ำว้าสุก แอปเปิ้ลปั่น หรือขนมปังปิ้งไม่ใส่เนย งดอาหารรสจัด มัน และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ควรดื่มน้ำสะอาดมากๆ หากอาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

“แสบท้อง…ทรมาน! กินอะไรดีให้สบายท้อง ไม่ต้องทนทุกข์?”

อาการแสบท้อง เป็นประสบการณ์ที่ไม่น่าพึงประสงค์ที่ใครหลายคนเคยเผชิญ อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่รับประทาน ความเครียด หรือแม้แต่โรคบางชนิดที่ซ่อนอยู่ แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ ความรู้สึกไม่สบายตัวที่ทำให้ชีวิตประจำวันต้องสะดุด

แน่นอนว่าเมื่อเกิดอาการแสบท้อง สิ่งแรกที่เราคิดถึงคือ “จะกินอะไรดี?” เพราะอาหารบางชนิดอาจยิ่งกระตุ้นให้อาการแย่ลง ในขณะที่บางชนิดกลับช่วยบรรเทาและฟื้นฟูให้กระเพาะอาหารกลับมาเป็นปกติได้

แล้วอะไรคือตัวช่วย “กู้ท้อง” ในยามแสบร้อน?

นอกเหนือจากคำแนะนำพื้นฐานที่คุ้นเคยกันดี เช่น การทานกล้วยน้ำว้าสุก แอปเปิ้ลปั่น หรือขนมปังปิ้ง (ไม่ใส่เนย) แล้ว เรามาเจาะลึกถึงอาหารอื่นๆ ที่อาจเป็นทางเลือกเพิ่มเติม พร้อมเหตุผลที่อาหารเหล่านั้นช่วยบรรเทาอาการแสบท้องกัน

  • โจ๊กข้าวขาว: ความนุ่มละมุนของโจ๊กข้าวขาวที่ปรุงรสอ่อนๆ เป็นมิตรต่อกระเพาะอาหารที่อ่อนแอ ข้าวที่ผ่านการเคี่ยวจนละเอียดจะช่วยลดภาระการย่อยอาหาร ทำให้กระเพาะอาหารไม่ต้องทำงานหนักเกินไป

  • มันฝรั่งต้ม: มันฝรั่งมีคุณสมบัติเป็นด่างอ่อนๆ ซึ่งอาจช่วยปรับสมดุลความเป็นกรดในกระเพาะอาหารได้ การต้มมันฝรั่งจนสุกนิ่มแล้วบดทาน จะช่วยให้ย่อยง่ายยิ่งขึ้น หลีกเลี่ยงการปรุงรสด้วยเครื่องปรุงที่เผ็ดร้อนหรือมีไขมันสูง

  • ชาสมุนไพร (ที่ไม่ใช่ชาดำ): ชาสมุนไพรบางชนิด เช่น ชาคาโมมายล์ ชาขิง หรือชาเปปเปอร์มินต์ มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบและผ่อนคลายกล้ามเนื้อในระบบทางเดินอาหาร ควรเลือกชาสมุนไพรที่ไม่มีคาเฟอีน เพื่อหลีกเลี่ยงการกระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร

  • เนื้อปลาเนื้อขาว: เนื้อปลาเนื้อขาว เช่น ปลานิล ปลากระพง เป็นแหล่งโปรตีนที่ย่อยง่ายกว่าเนื้อแดง การนำไปปรุงด้วยการต้ม นึ่ง หรือย่าง จะช่วยลดปริมาณไขมันที่อาจก่อให้เกิดอาการแสบท้องได้

  • น้ำมะพร้าว: น้ำมะพร้าวมีฤทธิ์เย็นและมีอิเล็กโทรไลต์ที่จำเป็นต่อร่างกาย ช่วยให้ร่างกายสดชื่นและอาจช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนได้บ้าง แต่ควรดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะน้ำมะพร้าวมีน้ำตาล

สิ่งสำคัญที่ต้องหลีกเลี่ยงเมื่อแสบท้อง:

  • อาหารรสจัด: พริก เครื่องเทศ และอาหารที่มีรสเปรี้ยวจัด ล้วนเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารมากขึ้น
  • อาหารทอดและอาหารมัน: ไขมันจะทำให้กระเพาะอาหารต้องทำงานหนักขึ้น และอาจทำให้เกิดอาการอาหารไม่ย่อยและแสบท้องได้
  • เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์: สารเหล่านี้จะกระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารและอาจทำให้หูรูดหลอดอาหารส่วนล่างคลายตัว ทำให้กรดไหลย้อนขึ้นมาได้
  • อาหารที่มีกรดสูง: มะเขือเทศ ส้ม และน้ำผลไม้รสเปรี้ยว อาจทำให้แสบท้องมากขึ้นในบางคน

เคล็ดลับเพิ่มเติมเพื่อบรรเทาอาการแสบท้อง:

  • ทานอาหารมื้อเล็กๆ บ่อยๆ: การทานอาหารปริมาณมากในคราวเดียวจะเพิ่มภาระให้กระเพาะอาหาร ควรแบ่งอาหารเป็นมื้อเล็กๆ หลายๆ มื้อตลอดวัน
  • เคี้ยวอาหารให้ละเอียด: การเคี้ยวอาหารให้ละเอียดจะช่วยลดภาระการทำงานของกระเพาะอาหาร
  • หลีกเลี่ยงการนอนราบหลังทานอาหาร: รออย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงหลังทานอาหารก่อนนอนราบ เพื่อป้องกันกรดไหลย้อน
  • ดื่มน้ำมากๆ: น้ำเปล่าเป็นสิ่งจำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย ควรดื่มน้ำให้เพียงพอตลอดวัน
  • จัดการความเครียด: ความเครียดอาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอาการแสบท้อง การฝึกเทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ หรือการออกกำลังกาย อาจช่วยลดความเครียดได้

เมื่อไหร่ที่ควรพบแพทย์?

หากอาการแสบท้องไม่ดีขึ้นหลังจากดูแลตัวเองเบื้องต้น หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายดำ น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม เพราะอาการแสบท้องอาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรงบางอย่างได้

ข้อควรจำ: ข้อมูลในบทความนี้เป็นเพียงคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำแนะนำจากแพทย์ได้ การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับสาเหตุและอาการของแต่ละคน หากมีข้อสงสัย ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการเพื่อขอคำแนะนำที่ถูกต้องเหมาะสมกับตนเอง