ทำไมกินโกโก้แล้วนอนไม่หลับ

0 การดู

โกโก้มีสารธีโอโบรมีนกระตุ้นประสาทคล้ายคาเฟอีน ทำให้บางคนนอนไม่หลับหากดื่มก่อนนอน นอกจากนี้ น้ำตาลและไขมันในโกโก้อาจส่งผลต่อการนอนหลับ หากกังวลเรื่องการนอนหลับ ควรหลีกเลี่ยงการดื่มโกโก้ในช่วงเย็นหรือก่อนนอน และเลือกโกโก้ที่ไม่เติมน้ำตาลมากนัก

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

โกโก้…เครื่องดื่มแสนอร่อยที่อาจส่งผลกระทบต่อการนอนหลับของคุณ

โกโก้ เครื่องดื่มที่ใครหลายคนชื่นชอบด้วยรสชาติเข้มข้น หอมหวาน ชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย แต่เคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมบางครั้งดื่มโกโก้แล้วกลับนอนไม่หลับ ทั้งๆ ที่อยากจะหลับสบายหลังดื่มเครื่องดื่มรสเลิศนี้? คำตอบนั้นซับซ้อนกว่าแค่เรื่องของความอร่อย เพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อการนอนหลับของคุณหลังดื่มโกโก้

“ธีโอโบรมีน” ตัวการสำคัญที่ทำให้คุณตื่นตัว

สารประกอบหลักที่ทำให้โกโก้มีผลต่อการนอนหลับคือ ธีโอโบรมีน (Theobromine) สารนี้มีโครงสร้างคล้ายกับคาเฟอีน และมีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง แม้ว่าฤทธิ์ของธีโอโบรมีนจะอ่อนกว่าคาเฟอีน แต่ก็สามารถทำให้คุณรู้สึกตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า และลดความรู้สึกง่วงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่ไวต่อสารดังกล่าว แม้ว่าปริมาณธีโอโบรมีนในโกโก้จะแตกต่างกันไปตามชนิดและปริมาณที่บริโภค แต่ก็ยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องพิจารณาสำหรับผู้ที่ต้องการพักผ่อนอย่างเต็มที่

น้ำตาลและไขมัน…ผู้ร้ายเงียบที่ส่งผลต่อคุณภาพการนอน

นอกจากธีโอโบรมีนแล้ว ปริมาณ น้ำตาลและไขมัน ในโกโก้ก็มีส่วนสำคัญต่อการนอนหลับเช่นกัน โกโก้สำเร็จรูปหรือโกโก้ที่เติมน้ำตาลในปริมาณมาก อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วลดลงอย่างรวดเร็วในภายหลัง กระบวนการนี้อาจส่งผลให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia) ในช่วงกลางดึก ซึ่งอาจกระตุ้นให้ร่างกายตื่นขึ้น หรือทำให้นอนหลับไม่สนิท

ในส่วนของไขมันนั้น การบริโภคไขมันในปริมาณมากก่อนนอน อาจทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนักขึ้น รบกวนการนอนหลับ และอาจทำให้เกิดอาการอาหารไม่ย่อย หรือแสบร้อนกลางอกได้

ดื่มโกโก้อย่างไรให้ไม่รบกวนการนอนหลับ?

หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบโกโก้ แต่กังวลเรื่องผลกระทบต่อการนอนหลับ ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มดังนี้:

  • หลีกเลี่ยงการดื่มโกโก้ในช่วงเย็นหรือก่อนนอน: ควรดื่มโกโก้ในช่วงเช้าหรือบ่าย เพื่อให้ร่างกายมีเวลาในการเผาผลาญสารธีโอโบรมีนและน้ำตาล
  • เลือกโกโก้ที่มีปริมาณน้ำตาลน้อย: โกโก้ผงที่ไม่เติมน้ำตาล หรือโกโก้ที่ใช้น้ำตาลทดแทนในปริมาณน้อยเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
  • จำกัดปริมาณการบริโภค: การดื่มโกโก้ในปริมาณที่พอเหมาะ จะช่วยลดโอกาสในการเกิดผลกระทบต่อการนอนหลับ
  • เลือกโกโก้ดาร์ก (Dark Chocolate): โกโก้ดาร์กมักจะมีปริมาณน้ำตาลน้อยกว่า และมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่า แต่ก็ควรระวังปริมาณธีโอโบรมีนด้วยเช่นกัน
  • สังเกตตัวเอง: แต่ละคนมีปฏิกิริยาต่อสารต่างๆ ในโกโก้แตกต่างกัน ลองสังเกตว่าร่างกายของคุณตอบสนองต่อโกโก้อย่างไร และปรับพฤติกรรมการดื่มให้เหมาะสมกับตัวเอง

สรุป

การดื่มโกโก้อาจส่งผลต่อการนอนหลับได้จากหลายปัจจัย ทั้งจากสารธีโอโบรมีนที่กระตุ้นประสาท และปริมาณน้ำตาลและไขมันที่อาจรบกวนการทำงานของร่างกาย ดังนั้น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มและการเลือกชนิดของโกโก้ที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณยังคงเพลิดเพลินกับรสชาติแสนอร่อยของโกโก้ได้ โดยไม่กระทบต่อการพักผ่อนที่แสนสำคัญของคุณ