ทำไมห้ามกินของหวานก่อนกินข้าว

หวานนำพาโรค: ทำไมไม่ควรกินของหวานก่อนอาหารมื้อหลัก

ใครๆ ก็ชอบของหวาน รสชาติหวานหอมชวนให้ลิ้มลอง ไม่ว่าจะเป็นเค้ก ไอศกรีม หรือขนมไทย แต่เคยสงสัยไหมว่าทำไมผู้ใหญ่หลายท่านมักห้ามปรามไม่ให้กินของหวานก่อนอาหารมื้อหลัก? คำตอบนั้นไม่ได้มีเพียงเรื่องความเกรงใจต่อผู้ที่ทำอาหาร แต่มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์รองรับอยู่เบื้องหลัง

การกินของหวานก่อนอาหาร เหมือนเป็นการ “ปูทาง” ให้ร่างกายเจอกับความผันผวนของระดับน้ำตาลในเลือดอย่างรวดเร็ว เมื่อเราทานของหวานที่มีน้ำตาลสูง ระดับน้ำตาลในเลือดจะพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ร่างกายจึงรีบปล่อยอินซูลินออกมาเพื่อจัดการกับน้ำตาลที่มากเกินไป แต่บางครั้งอินซูลินก็ทำงาน “เกินหน้าที่” ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงต่ำกว่าปกติ (ภาวะ Hypoglycemia) ส่งผลให้เกิดอาการอ่อนเพลีย หงุดหงิด สมาธิสั้น และอาจมีอาการมือสั่น ใจสั่น ได้

นอกจากนี้ การกินของหวานก่อนอาหารยัง “ตัดกำลัง” ความอยากอาหาร ทำให้เราอิ่มเร็วขึ้นและทานอาหารที่มีประโยชน์ได้น้อยลง ลองนึกภาพว่าคุณทานเค้กชิ้นโตก่อนทานข้าวผัด คุณอาจจะรู้สึกอิ่มจนไม่อยากทานข้าวผัด หรือทานได้เพียงเล็กน้อย ซึ่งนั่นหมายความว่าร่างกายของคุณอาจพลาดโอกาสที่จะได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อสุขภาพ เช่น โปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ

ผลกระทบที่ตามมาจากการทานของหวานก่อนอาหารไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องระดับน้ำตาลในเลือดและปริมาณอาหารที่ทานได้เท่านั้น หากทำเป็นนิสัยเป็นประจำ อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว เช่น เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน โรคอ้วน และภาวะขาดสารอาหาร

ดังนั้น หากคุณเป็นคนที่ชอบทานของหวาน ลองเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ โดยการทานของหวานหลังอาหารมื้อหลัก หรือเลือกทานของหวานที่มีน้ำตาลน้อยกว่า เช่น ผลไม้สด นอกจากจะช่วยลดผลกระทบต่อระดับน้ำตาลในเลือดแล้ว ยังช่วยให้คุณได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์จากผลไม้ได้อีกด้วย

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหาร เป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการเลิกทานของหวานก่อนอาหาร แล้วคุณจะพบกับการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อร่างกายอย่างแน่นอน