ปลาทูหอมกับปลาทูมันอันไหนเค็มกว่ากัน

ปลาทูหอมกับปลาทูมัน ใครแน่กว่ากันในเรื่องความเค็ม? ไขความลับจากกระบวนการผลิต

ความแตกต่างของรสชาติระหว่างปลาทูหอมและปลาทูมัน นอกเหนือจากความแตกต่างที่ชัดเจนในด้านเนื้อสัมผัส—ปลาทูหอมเนื้อแน่น ปลาทูมันเนื้อนุ่ม—ยังซ่อนความแตกต่างที่น่าสนใจในเรื่องระดับความเค็มเอาไว้ คำถามที่มักเกิดขึ้นคือ ปลาทูชนิดใดกันแน่ที่เค็มกว่า? คำตอบไม่ใช่เพียงแค่ “ปลาทูหอมเค็มกว่า” อย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่เราควรพิจารณาจากกระบวนการผลิตที่แตกต่างกันอย่างละเอียดถี่ถ้วน

ความแตกต่างของความเค็มนั้นไม่ได้มาจากการใช้เกลือปริมาณที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่เกี่ยวข้องกับ ระยะเวลาในการหมักและการตากแห้ง ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่กำหนดคุณลักษณะของปลาทูทั้งสองชนิดนี้

ปลาทูหอม: ปลาทูหอมมักใช้ระยะเวลาในการหมักและตากแห้งที่ยาวนานกว่า บางครั้งอาจใช้เวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและสูตรเฉพาะของผู้ผลิต กระบวนการนี้ทำให้เกลือมีเวลาซึมเข้าไปในเนื้อปลาได้อย่างทั่วถึง และน้ำในเนื้อปลาถูกระเหยออกไปเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เนื้อปลาแน่น แห้ง และมีความเค็มเข้มข้นกว่า ความหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของปลาทูหอมก็เกิดจากกระบวนการนี้เช่นกัน ซึ่งเป็นผลจากการเกิดปฏิกิริยาทางเคมีระหว่างเกลือและโปรตีนในเนื้อปลา

ปลาทูมัน: ในทางตรงกันข้าม ปลาทูมันมักใช้เวลาในการหมักและตากแห้งที่สั้นกว่า เพื่อคงความนุ่มและความชุ่มฉ่ำของเนื้อปลาเอาไว้ เกลือจึงซึมเข้าไปในเนื้อปลาน้อยกว่า และเนื้อปลาก็ยังคงมีความชื้นอยู่บ้าง ทำให้รสชาติไม่เค็มจัดเท่าปลาทูหอม ความมันที่เป็นเอกลักษณ์ของปลาทูมันนั้นมาจากไขมันที่ยังคงอยู่ภายในเนื้อปลา ซึ่งถูกเก็บรักษาไว้ได้ดีจากกระบวนการผลิตที่รวดเร็วกว่า

สรุปได้ว่า แม้ว่าปริมาณเกลือที่ใช้ในกระบวนการผลิตอาจไม่ต่างกันมากนัก แต่ปลาทูหอมมีแนวโน้มที่จะเค็มกว่าปลาทูมัน เนื่องจากระยะเวลาในการหมักและการตากแห้งที่ยาวนานกว่า ซึ่งทำให้เกลือมีเวลาซึมเข้าไปในเนื้อปลาได้มากขึ้น และน้ำในเนื้อปลาถูกระเหยออกไป ส่งผลให้ความเข้มข้นของรสชาติเค็มสูงขึ้น ดังนั้น การเลือกซื้อปลาทูจึงควรพิจารณาจากความต้องการความเค็มและเนื้อสัมผัสที่ต้องการ เพื่อให้ได้รสชาติที่ถูกใจมากที่สุด